วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559

คาถาเรียกเงินมหาเฮง


คาถามหาเฮง
แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1.ก่อนเสี่ยงโชค เอาไว้สวดหรือท่องก่อนออกเดินทางไปเสี่ยงโชค ก่อนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ซื้อล็อตเตอรี่
2.สวดประจำ ส่วนใหญ่จะเป็นวันละครั้ง ไว้สวดเพื่อสั่งสมโชคให้คงอยู่กับตัวเรา
3.เวลาไหนก็ได้ สวดได้ตลอดเวลาที่ต้องการ จะตอนเล่นอยู่ ก่อนเล่น ระหว่างเดินทาง ตอนไหนก็ได้
โดยหลักในการท่องคาถาหรือบทสวดต่างๆนั้น สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งเลยก็คือ เราจะต้องมีสมาธิ มีใจที่ตั้งมั่น หรือมีความเชื่อความศรัทธาภายในจิตใจเสียก่อน ถึงจะเห็นผล

คาถามหาเฮง 
เริ่มจากกลุ่มแรก สวดก่อนเดินทางหรือเสี่ยงโชค คาถาเสี่ยงโชค  บทนี้สำคัญมาก เป็นบทของการเสี่ยงทายทุกชนิด ท่านจะทำอะไรทุกอย่างในการพนันขันต่อ ก็ให้สวดบทนี้ก่อนจึงไป หรือแม้แต่ซื้อล็อตเตอรี่ สวดก่อนแล้วหยิบขึ้น
หากใจแน่วแน่จริง จะเป็นผลแก่ตัวเอง ให้สวดถึงเจ็ดจบจึงประเสริฐ ดังนี้

ตั้งนโม 3 จบ แล้วสวดเจ็บจบ
อินทะยะสัง เทวะยะสัง
พรหมะยะสัง มหาพรหมะยะสัง
อิสียะสัง มะหาอิสียะสัง
มุนียะสัง มะหามุนียะสัง
ปุริสะยะสัง มะหาปุริสะยะสัง
จักกะวัตติยะสัง มะหาจักกะวัตติยะสัง
พุทธะยะสัง ปัจเจกะพุทธะยะสัง อะระหันตะยะสัง
สัพพะสิทธิวิชชา จะระณะยะสัง
สัพพะโลกา ธิปะติญาณะยะสัง
สัพพะโลกะ จะริยะญาณะยะสัง
เอเตนะ ยะเสนะ
เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ
มะมะสุวัตถิ โหตุ มัยหัง สวาหายะ
นะโม พุทธัสสะ นะโม ธัมมัสสะ นะโม สังฆัสสะ
เสยยะถีทัง หุรูหุรู สวาหายะฯ
คาถาโชคลาภ  เป็นคาถาที่ใช้สวดภาวนาเพื่อให้เกิดโชคลาภแบบฟลุ้คๆขึ้นมาได้ เอามาเสกกับน้ำแล้วแตะหน้าผาก
โพธิ มะหิสะกะ
อิถิพุนะ อิถิสัตโต อิถีวาโย
เอหิ มะ มะ นะกาโร โหติ สัมภะโว
คาถาโชคลาภ ใช้ภาวนากับกระเป๋าสตางค์ จะทำให้ไม่ขัดสน
นะโมพุทธายะ
นะมะ พะทะ จะ ภะ กะ สะ นะ อุ อุ นะ
เตชะสุเนนะ มะภูจะนาวิเวอิตินะยะปะรังยุตเต
คาถาโชคลาภ ใช้ภาวนาเพื่อให้เกิดโชคลาภ อาจจะใช้เสกกับน้ำแล้วใช้ล้างหน้าก็ได้
นะโมพุทธายะ
สัพพะสิเนหา จะปูชิโต
สัพพะโกรธาวินาสสันตุ
อะเสสะโตเมตตากรุณายัง
ทะยะวิสาโสปิยามะนา
โปเมสัพพะโลกัสสมิง
คาถาเงินล้าน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
สวด 9 จบ
พรหมาจะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ
พรหมาจะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุเม
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุเม มิเตพาหุหะติ

คาถามหาเฮง  กลุ่มที่สอง สวดเป็นประจำ
คาถามหาเศรษฐี  สวด 5 จบ, 7 จบ, 9 จบ ทุกวัน
จัตตาโร สติปัฎฐานา
จัตตาโร อิทธิปาทา สัมมาอาชีโว
คาถาเจริญโภคทรัพย์  สวดทุกวัน
นิจจัง กาลัง ปิยัง โหติ เทวาตาปี นิปัตเตยยัง
มหาเตชัง มหาตะปัง พะเลเนเน เตเชชะยะตุ ชะยะมังคะลัง

คาถารวยไม่จำกัดเวลา  
สวดทุกวันเป็นการเรียกโชคลาภ ให้เข้ามาทั้งกลางวัน กลางคืน ได้ตลอดเวลา
นะชาลีติ ประสิทธิลาภา ปะสันนะจิตตา
สะทาโหนติ ปิยังมะมะ สัพเพชะนา พะหูชะนา
สัพเพทิสา สะมาคะตา กาละโภชะนา
วิกาละโภชะนา อะคัจ ฉันติ ปิยัง มะมะ

คาถาเรียกทรัพย์  
สวดทุกวัน
นะชาลีติ สิมพะลี จะมหาเถโร
สุวัณณะมามา โภชนะมามา
วัตถุ วัตถา พะลาพะลังมามา โภคะมามา มหาลาโภมามา
สัพเพ ชะนา พะหู ชะนา ภะวันตุ เม

พระคาถาเสริมทรัพย์
พุทธะ มะอะอุ
นะโมพุทธายะ
วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา
วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย
พุทธัสสะ มาณีมามะ
พุทธัสสะ สะวาโหม

คาถาคนจะรวย
สวด 3 จบ
เวทาสากุ กุสาทาเว
ทายะสาตะ ตะสายะทา
ทาสาทิกุ กุตะกุภู ภูกุตะกุ
คาถามหาลาภ เรียกลาภ  นะโมสามจบ แล้วสวดภาวนาก่อนนอน 3 จบ จะเรียกทรัพย์โชคภลาภให้มีได้อย่างน่าอัศจรรย์
นะมามีมา มะหาลาภา อิติพุทธัสสะ
สุวัณณังวา ระชะตังวา มะณีวา ธะนังวา
พีชังวา อัตถังวา ปัตถังวา
เอหิ เอหิ อาคัจเฉยยะ
อิติมีมา นะมามิหัง

คาถาขอลาภจากพระสีวลี  สวดก่อนนอน ตื่นนอน หรือก่อนออกไปทำงาน , เสี่ยงโชค
สีวลีจะมหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต
โสระโห ปัจจะยาทิมหิ สีวะลี จะมหาเถโร ยักขา เทวาภิปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ
อะหัง วันทามิตัง สะทา สีวะลี เถระคุณัง เอตัง โสตถิ ลาภัง ภะวันตุ เม
คาถาบูชาความสำเร็จ
สวดจบแล้วตั้งจิตอธิษฐานตามความปรารถนา
อะอุมะ พุทโธ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ สัตตะนะตะยา
นุภาเวนะ สะทาโสตถี ภะวันตุเม อิทธิ อิทธิ ฤทธิ ฤทธิ สิทธิ สิทธิ ชัยยะ ชัยยะ
ลาภะ อุตะระเรนะ พุทธะ นิมิตตัง อิติ ธัมมะ นิมิตตัง อิติ สังฆัง นิมิตตัง อิติ

คาถามหาเฮง กลุ่มที่สาม สวดได้ตลอดเวลา
คาถาเร่งลาภ
สัมปะติจฉามิ
คาถาเรียกทรัพย์
พุทธังเป็นเงิน
ธัมมังเป็นทอง
สังฆังเป็นข้าวของ
ไหลมาเทมา
คาถาเรียกเงินเรียกทอง
พุทธังโหม ธัมมังโหม สังฆังล้อม
อันตะรายะ วินาศสันติ
คาถาเสริมดวง
ท่อง 5 จบ เสริมดวงโชคลาภ ให้มีกำลังใจอดทน
นะ สะ จะ กะ
คาถาโชคดี สวด 9 จบ เสกเป่าลมออกไปเพื่อให้โชคดีเวลาเสี่ยงโชคต่างๆ หรือเวลาทำไพ่
อุ เย อะ เย
คาถาปัจเจกพุทธเจ้า
ตั้งนะโม 3 จบแล้วสวด 3 จบ
ก่อนนอน ตื่นนอน ให้ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย
ว่างเมื่อไหร่ท่องเมื่อนั้น ตั้งใจสวดเป็นประจำ
จะมีแต่สิ่งดีๆ จะเกิดทรัพย์มากมาย
เคล็ดลับให้เอาเงินมากำอยู่ในมือขณะสวดด้วย จะได้ผลเร็วขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
พุทธะ มะ อะ อุ นะโม พุทธายะ
วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถีโย
พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สะวาโหม
และนี่คือคาถาต่างๆ ทีเรานำมาฝากกัน ใครสะดวกจะสวดแบบไหนลองเลือกสวดกันดูเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ควรงมงายจนเกินไป ต้องขยันทำงานสุจริตด้วย เพราะถ้าหากเอาแต่ท่องคาถาแต่ไม่ทำงานเงินก็ไม่เข้ากระเป๋าค่ะ

วิธีทำบุญตามวันเกิด


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การทําบุญตักบาตร
            เป็นบุญกุศลต่อตัวเอง ผู้ให้สิ่งประเสริฐย่อมได้สิ่งที่ประเสริฐจุดเริ่มต้นของประเพณีการทำบุญวันเกิดนั้น มาจากสมัยพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ที่พระองค์ท่านมีพระราชดำริว่าเมื่ออายุมากครบรอบบรรจบปีหนึ่งๆ เราควรมีความรู้สึกยินดีและก็ควรทำอะไรที่เป็นประโยชน์เป็นบุญกุศลต่อตัวเองและผู้อื่น ให้คุ้มค่ากับที่มีชีวิตผ่านพ้นมาได้ปีหนึ่งๆ และท่าน ก็ได้ทรงทำบุญตักบาตรเป็นตัวอย่างโดยการสวดมนต์เลี้ยงพระจำนวน 10 รูปอย่างเรียบง่ายเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ต่อมาก็เริ่มเป็นพวกเจ้าขุนมูลนายต่างๆที่ทำตามแต่ลดจำนวนการทำบุญเลี้ยงพระลงเปลี่ยนไปเป็นงานเลี้ยงที่สนุกสนานครึกครื้นมากขึ้น จนกลายเป็นประเพณีการทำบุญวันเกิดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน รูปแบบในการทำบุญวันเกิด การทำบุญวันเกิดมีรูปแบบและวิธีการปฏิบัติที่หลากหลายอันสามารถเลือกปฏิบัติได้ตามสะดวกและตามความสบายใจดังนี้


1. ตักบาตรพระสงฆ์จำนวนกิโลก็ได้ตามสะดวก
2. อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับบรรพบุรุษ
3. บำเพ็ญกุศลให้กับตัวเองเนื่องในวันเกิด
4. สวดมนต์ ฟังเทศน์
5. ถวายสังฆทาน
6. ทำทานด้วยการปล่อยสัตว์ เช่น โคกระบือ ปล่อยนก ปล่อยปลา
7. ทำทานด้วยการให้เพื่อนมนุษย์ เช่น การบริจาคตามบ้านเด็กต่างๆ หรือช่วยเหลืองานสังคม
8. รักษาและดำรงตนให้อยู่ในศีล
9. กราบเท้า พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย และผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือเพื่อเป็นการรับพรที่เป็นสิริมงคล
10. ตั้งใจเป็นผู้ให้แก่ผู้อื่นมากกว่าตั้งใจเป็นผู้รับ
ข้อพึ่งปฏิบัติในการทำบุญวันเกิด
1. ดำรงตนเป็นผู้ให้โดยไม่หวังผลตอบแทน อาจไปทำทานบริจาคแก่ผู้ด้อยโอกาสต่างๆช่วยเหลือ “ไถ่ชีวิตสัตว์”
2. การทำบุญวันเกิดที่ดี ควรเน้นเป็นบุญที่ไม่ยึดติดกับวัตถุ เช่น การถือศีลทำจิตใจให้สงบหรือการเข้าไปฟังเทศน์แล้วทำบุญตามกำลังศรัทธา
3. หากต้องไปร่วมงานวันเกิดผู้ใหญ่คำอวยพรที่เหมาะสมต้องอ้างถึง “คุณพระศรีรัตนตรัย” ก่อนแล้ว ตามด้วยคำอวยพร ส่วนของขวัญก็ควรดูตามความเหมาะสม
4. สำหรับผู้ใหญ่ที่อวยพรวันเกิดผู้ที่อายุน้อยกว่าก็ควรใช้คำอันเป็นมงคล
5. ไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายหรือต้องสิ้นเปลืองมากมายในการทำบุญวันเกิด

อานิสงส์ที่ได้รับจากการทำบุญวันเกิด
ผลแห่งการทำบุญในวันเกิด จะเกิดขึ้นดังข้อเขียนในพระไตรปิฎกที่อยู่ว่าไว้เป็นพุทธภาษิตเล่มที่ 15 ข้อ 138 หน้า 44 ความว่า “ผู้ให้อาหาร” เชื่อว่าคือ “ให้กำลัง” “ผู้ให้ผ้า” เชื่อว่า “ให้ผิวพรรณ” “ผู้ให้ทาน” เชื่อว่า “ให้ความสุข” “ผู้ให้ประทีป” เชื่อว่า “ให้ดวงตา” และในพระไตรปิฎกเล่มที่ 22 ข้อ 44 หน้า 66 ความว่า “ผู้ให้สิ่งที่น่าพอใจ ย่อมได้สิ่งที่น่าพอใจ” “ผู้ให้สิ่งที่เลิศย่อมได้สิ่งที่เลิศ” “ผู้ให้สิ่งประเสริฐย่อมได้สิ่งที่ประเสริฐ” “ผู้ให้สิ่งที่ประเสริฐสุดย่อมได้สิ่งที่ประเสริฐสุด”

การปล่อยปลาและสัตว์น้ำอื่นๆ การทำบุญทำทานด้วยการปล่อยปลา
และสัตว์น้ำอื่นๆ เป็นความเชื่อที่ปฏิบัติกันมานาน เพราะเชื่อกันในความหมายของปลา หรือสัตว์น้ำอื่นๆที่ปล่อย หรือไม่ก็เชื่อว่า “การให้ชีวิตสัตว์โลก จะช่วยให้ผ่านความทุกข์ ความยากลำบากในชีวิตของช่วงนั้นๆ ให้ผ่านไปได้” โดยมีความหมายของสัตว์ที่ปล่อย ดังนี้
ปลาไหล เชื่อว่า มันจะช่วยให้ไร้ อุปสรรค ขจัดปัญหา การเงินการงานที่ติดขัดจะได้รับความช่วยเหลือราบรื่น
ปลาหมอ เชื่อว่า จะช่วยให้สุขภาพแข็งแรงปลอดจากโรคภัยไข้เจ็บหรือ ช่วยให้โรคที่ประสบอยู่บรรเทาทุเลาลง
ปลาดุก เชื่อว่าจะช่วยให้รอดพ้นจากศัตรูสิ่งที่ไม่ดีต่างๆได้
ปลาดุกเผือก เชื่อว่า จะช่วยให้เสริมความเป็นสิริมงคลให้แก่ชีวิตที่ดีอยู่แล้วก็จะดียิ่งขึ้นหากอยู่ในช่วงที่ไม่ดีก็จะเบาลง
ปลาช่อน เชื่อว่า จะช่วยให้สิ่งที่มุ่งหวังอยู่สำเร็จได้หรือไม่ก็ช่วยให้ได้รับเงินรับทอง
ปลาดำราหู เชื่อว่า จะช่วยลดเคราะห์ร้าย หรือลดความทุกข์ยากลำบากที่เผชิญอยู่ให้เบาลงและป้องกันการเกิดเหตุร้ายแรงที่ไม่คาดฝัน
ปลานิล เชื่อว่า จะช่วยเสริมให้ได้รับโชคลาภทรัพย์สินเงินทองเพิ่มขึ้นส่งเสริมให้มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง
ปลาทับทิม เชื่อว่าจะช่วยให้หน้าที่การงานการศึกษาเป็นไปได้ด้วยดีไม่มีอะไรติดขัด
ปลาสวาย เชื่อว่า จะช่วยให้พาคุณผ่านช่วงที่ติดติด ขัดขัด ชักหน้า ไม่ถึงหลังไปได้ด้วยดี ในระยะเวลาอันสั้น
ปลาจาละเม็ด เชื่อว่า จะช่วยเสริมให้ดวงแข็งขึ้นไม่ถูกใครเอารัดเอาเปรียบได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
ปลาบู่ เชื่อว่า จะช่วยให้ผู้มีพระคุณได้รับบุญกุศลและสะเดาะเคราะห์ให้ ผู้มีพระคุณ
ปลาขาว เชื่อว่า จะช่วยให้เกิดแต่สิ่งที่ดีงามขึ้น ทำสิ่งใดก็เกิดแต่เรื่องดีดี มีโชคลาภที่ดีคอยเกื้อหนุน
ปลาใน เชื่อว่า จะช่วยเสริมให้ได้รับการเคารพนับหน้าถือตาที่ดี มีลูกน้องบริวารที่อยู่ในโอวาท
หอยขม เชื่อว่า จะช่วยให้ชีวิตที่กำลังทุกข์ขมขื่นให้มีความสุขสดใสมากขึ้น
หอยโข่ง เชื่อว่า จะช่วยให้สิ่งที่กำลังมุ่งหวังอยู่เป็นจริงได้ โดยง่าย และมีคนที่ดีคอยช่วยเหลืออุปถัมภ์
ตะภาพ เชื่อว่า จะช่วยให้อายุมั่นขวัญยืน สามารถปราบความเลวร้ายที่เข้ามาได้สิ้นซาก และเชื่อว่าดีกับผู้ที่เป็นอัมพาต
กบ เชื่อว่า เป็นการช่วยให้เจ้ากรรมนายเวรได้รับกุศล


การเลือกของทำบุญใส่บาตรตามวันเกิด
วันอาทิตย์
อาหารคาว : ประเภทไข่ ไข่ดาว ไข่เจียว ไข่ลูกเขย ต้ม แกงกะทิ
อาหารหวาน : ไข่หวาน มะพร้าวอ่อน มะพร้าวแก้ว ขนมใส่กะทิ น้ำกระเจี๊ยบ น้ำมะพร้าว น้ำขิง เงาะ
ของถวายพระ : หลอดไฟ ไฟฉาย เทียน ธูป อุปกรณ์แสงสว่าง แว่นตา หมากพลู
ไหว้พระ : ปางถวายเนตร (พระประจำวันเกิด) บูชาด้วยบทสวดมนต์(แบบย่อ) อะ วิช สุ นุส สา นุต ติ
ทำทาน : เติมน้ำมันตะเกียงตามวัด ช่วยเหลือทำทานแก่คนตาบอด โรงพยาบาลโรคตา มูลนิธิคนตาบอด โรงพยาบาลโรคหัวใจ มูลนิธิโรคหัวใจ
พฤติกรรม : ออกรับแสงอาทิตย์อ่อนๆ ช่วงเช้าหรือเย็นๆ เพื่อให้เกิดพลัง อย่าใจร้อน เลิกทิฐิ ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น

วันจันทร์
อาหารคาว : ประเภทสัตว์ปีก สัตว์น้ำ เช่นไก่ผัดขิง ไก่ย่าง ไก่ทอด ปูผัดผงกะหรี่ ปูนึ่ง ข้าวมันไก่ ข้าวผัดปู เต้าหูทอด แกงจืดเต้าหู้ แกงเผ็ดเป็ดย่าง ปลาสลิดทอด
อาหารหวาน : น้ำเต้าหู้ นมถั่วเหลือง น้ำอ้อย โดนัท นมสด นมกล่อง เผือก มัน ลางสาด ขนมเปี๊ยะ
ของถวายพระ : แก้วน้ำ แจกัน ของโปร่งๆ ใส ๆ
ไหว้พระ : ปางห้ามญาติ (พระประจำวันเกิด)
บูชาด้วยบทสวดมนต์(แบบย่อ) อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา ทำทาน : มูลนิธิช่วยเหลือสตรี
พฤติกรรม : ทำจิตใจให้สดชื่น แจ่มใส อยู่เสมอ อย่าวิตกกังวลเกินเหตุ ให้ความช่วยเหลือสตรี เช่น ลุกให้สตรีนั่งบนรถเมล์

วันอังคาร
อาหารคาว : อาหารประเภทเส้น ขนมจีน วุ้นเส้น บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัว ปลาช่อนตากแห้งทอด
อาหารหวาน : ฝอยทอง สลิ่ม ลอดช่อง ทุเรียน ระกำ ขนุน
ของถวายพระ : เหล็ก เครื่องมือประเภทเหล็ก กรรไกร แปรงสีฟัน ยาสีฟัน พัดลม กรรไกรตัดเล็บ
ไหว้พระ : ปางไสยาสน์ (พระนอน) บูชาด้วยบทสวดมนต์(แบบย่อ) ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง
ทำทาน : คนพิการทางปาก ปากแหว่ง ผู้ป่วยโรคลมชัก
พฤติกรรม : ทำตัวให้กระฉับกระเฉง ตื่นตัว ขยันให้มากขึ้น ลดอารมณ์ร้อน

วันพุธ (กลางวัน)
อาหารคาว : แกงเขียวหวานหมู หมูปิ้ง หมูทอด ผัดพริกหมู คะน้าน้ำมันหอย
อาหารหวาน : ขนมเปียกปูนเขียว น้ำฝรั่ง ชมพู่เขียว องุ่นเขียว มะม่วงเขียวเสวยฝรั่ง
ของถวายพระ : สมุด กระดาษ ปากกา ดินสอ อุปกรณ์การเรียนการศึกษา
ไหว้พระ : ปางอุ้มบาตร (พระประจำวันเกิด) บูชาด้วยบทสวดมนต์(แบบย่อ) ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท
ทำทาน : คนพิการทางหู โรงพยาบาลโรคสมอง โรงเรียนสอนคนหูหนวก
พฤติกรรม : อ่านหนังสือธรรมะ ร้องเพลง ฝึกสร้างความมั่นใจให้ตนเอง

วันพุธ (กลางคืน)
อาหารคาว : ของหมักดอง ผักกาดดองผัดไข่ อาหารกระป๋อง แกงใบยอ หมูยอ แหนม ไข่เยี่ยวม้า ห่อหมก
อาหารหวาน : ข้าวหมาก ขนมเปียกปูนดำ เฉาก๊วย ข้าวเหนียวดำ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ผลไม้หัวโตๆ ทุเรียน
ของถวายพระ : พัดลม เทปธรรมะ ยาแก้โรคลม ยาหอม
ไหว้พระ : ปางป่าเลไลย์ (พระประจำวันเกิด) บูชาด้วยบทสวดมนต์(แบบย่อ) คะ พุท ปัน ทู ธัม วะ คะ
ทำทาน : มูลนิธิหรือหน่วยงานที่เกี่ยวกับยาเสพติด
พฤติกรรม : เลิกบุหรี่ เลิกดื่ม หรือลดปริมาณ การดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เลิกการพนัน เลิกทำตัวเหลวไหล เลิกเที่ยวกลางคืน เลิกยาเสพติดทุกชนิด

วันพฤหัสบดี
อาหารคาว : ประเภทเถา แกงเลียง บวบผัดไข่ น้ำเต้า
อาหารหวาน : แตงโม แตงไทย น้ำสมุนไพร ส้ม สาลี่ น้ำมะตูม น้ำว่านหางจระเข้
ของถวายพระ : สบง จีวร หนังสือธรรมะ ตู้ยา โต๊ะหมู่บูชา
ไหว้พระ : ปางสมาธิ (พระประจำวันเกิด) บูชาด้วยบทสวดมนต์(แบบย่อ) ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ
ทำทาน : โรงพยาบาลสงฆ์ บริจาคข้าวสาร เสื้อผ้า ผ้าห่มกันหนาว
พฤติกรรม : นั่งสมาธิ สวดมนต์ ถือศีล 5 อย่าซื่อจนเกินไป

วันศุกร์
อาหารคาว : ประเภทของหอม หวาน ข้าวหอมมะลิ ผักกาดหอม ไข่เจียวหอมใหญ่ยำหัวหอม
อาหารหวาน : ขนมหวาน หอมทุกชนิด น้ำเก๊กฮวย ผลไม้ที่มีกลิ่นหอม กล้วยหอม
ของถวายพระ : นาฬิกา โต๊ะรับแขก ดอกไม้สวยหอม ระฆัง ย่าม
ไหว้พระ : ปางรำพึง (พระประจำวันเกิด) บูชาด้วยบทสวดมนต์(แบบย่อ) วา โธ โน อะ มะ มะ วา
ทำทาน : เด็กด้อยโอกาส ให้เงิน ให้เสื้อผ้า อาหารที่หอมหวานชวนกิน เช่น ไอศกรีม
พฤติกรรม : ทำตัวให้สดชื่นแจ่มใส ดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่ตลอด จัดสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ สวยงาม เลิกการฟุ่มเฟือย

วันเสาร์
อาหารคาว : ประเภทของขม ของดำ มะระยัดไส้ สะเดาน้ำปลาหวาน น้ำพริกปลาทู มะเขือยาว
อาหารหวาน : ลูกตาลเชื่อม กาแฟ โอเลี้ยง
ของถวายพระ : ร่มสีดำ กระเบื้องมุงหลังคา ไม้กวาด สร้างห้องน้ำถวายวัด
ไหว้พระ : ปางนาคปรก (พระประจำวันเกิด) บูชาด้วยบทสวดมนต์(แบบย่อ) โส มา ณะ กะ ระ ถา โธ
ทำทาน : โรงพยาบาลโรคจิต โรงพยาบาลโรคประสาท
พฤติกรรม : กวาดลานวัด ล้างห้องน้ำวัด ไม่เครียด มองโลกในแง่ดี ขยะในบ้านยกทิ้งทุกวัน อย่าหมักหมม


ผีแม่นาค

ผีแม่นาค
             เรื่องเล่ามีสามีภรรยาหนุ่มสาวคู่หนึ่ง อาศัยอยู่ด้วยกันที่ย่านพระโขนง สามีชื่อนายมาก ส่วนภรรยาชื่อนางนาค ทั้งสองใช้ชีวิตคู่ร่วมกันจนนางนาคตั้งครรภ์อ่อน ๆ นายมากก็มีหมายเรียกให้ไปเป็นทหารประจำการที่บางกอก นางนาคจึงต้องอยู่ตามลำพัง    เวลาผ่านไป ท้องของนางนาคก็ยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ จนครบกำหนดคลอด หมอตำแยก็มาทำคลอดให้ ทว่าลูกของนางนาคไม่ยอมกลับหัว และคลอดออกมาตามธรรมชาติ ยังผลให้นางนาคเจ็บปวดเป็นยิ่งนัก และในที่สุดนางนาคก็ทานความเจ็บปวดไว้ไม่ไหว สิ้นใจไปพร้อมกับลูกในท้อง กลายเป็นผีตายทั้งกลม
             หลังจากนั้น ศพของนางนาคได้ถูกนำไปฝังไว้ยังป่าช้าท้ายวัดมหาบุศย์ ส่วนนายมากเมื่อปลดประจำการก็กลับจากบางกอกมายังพระโขนงโดยที่ยังไม่ทราบความว่าเมียของตัวได้หาชีวิตไม่แล้ว นายมากกลับมาถึงในเวลาเข้าไต้เข้าไฟพอดี จึงไม่ได้พบชาวบ้านเลย เนื่องจากบริเวณบ้านของนางนาค หลังจากที่นางนาคตายไปก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เพราะกลัวผีนางนาคซึ่งต่างก็เชื่อกันว่าวิญญาณของผีตายทั้งกลมนั้นเฮี้ยน และมีความดุร้ายเป็นยิ่งนัก  ครั้นเมื่อนายมากกลับมาอยู่ที่บ้าน นางนาคก็คอยพยายามรั้งนายมากให้อยู่ที่บ้านตลอดเวลา ไม่ให้ออกไปพบใคร เพราะเกรงว่านายมากจะรู้ความจริงจากชาวบ้าน นายมากก็เชื่อเมีย เพราะรักเมีย ไม่ว่าใครที่มาพบเจอนายมากจะบอกนายมากอย่างไร นายมากก็ไม่เชื่อว่าเมียตัวเองตายไปแล้ว จนวันหนึ่งขณะที่นางนาคตำน้ำพริกอยู่บนบ้าน นางนาคทำสากตกลงไปใต้ถุนบ้าน ด้วยความรีบร้อน นางจึงเอื้อมมือยาวลงมาจากร่องบนพื้นเรือนเพื่อเก็บสากที่อยู่ใต้ถุนบ้าน นายมากขณะนั้น บังเอิญผ่านมาเห็นพอดี จึงปักใจเชื่ออย่างเต็มร้อย ว่าเมียตัวเองเป็นผีตามที่ชาวบ้านว่ากัน  นายมากวางแผนหลบหนีผีนางนาค โดยการแอบเจาะตุ่มใส่น้ำให้รั่วแล้วเอาดินอุดไว้ ตกกลางคืนทำทีเป็นไปปลดทุกข์เบา แล้วแกะดินที่อุดตุ่มไว้ให้น้ำไหลออกเหมือนคนปลดทุกข์เบา จากนั้นจึงแอบหนีไป นางนาคเมื่อเห็นผิดสังเกตจึงออกมาดู ทำให้รู้ว่าตัวเองโดนหลอก จึงตามนายมากไปทันที นายมากเมื่อเห็นผีนางนาคตามมาจึงหนีเข้าไปหลบอยู่ในดงหนาด นางนาคไม่สามารถทำอะไรได้เพราะผีกลัวใบหนาด นายมากหนีไปพึ่งพระที่วัด นางนาคไม่ลดละพยายาม ด้วยความที่เจ็บใจชาวบ้านที่คอยยุแยงตะแคงรั่วผัวตัวเองอีกประการหนึ่ง ทำให้นางนาคออกอาละวาดหลอกหลอนชาวบ้านจนหวาดกลัวกันไปทั้งบาง ซึ่งความเฮี้ยนของนางนาค ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ถูกฝังไว้ระหว่างต้นตะเคียนคู่นั่นเอง ในที่สุด นางนาคก็ถูกหมอผีฝีมือดีจับใส่หม้อถ่วงน้ำ จึงสงบไปได้พักใหญ่  จนกระทั่งตายายคู่หนึ่งที่ไม่รู้เรื่องเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ เก็บหม้อที่ถ่วงนางนาคได้ขณะทอดแหจับปลา นางนาคจึงถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ถูกสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สยบลงได้ กะโหลกศีรษะส่วนหน้าผากของนางนาคถูกเคาะออกมาทำปั้นเหน่ง (หัวเข็มขัดโบราณ) เพื่อเป็นการสะกดวิญญาณ และนำนางนาคสู่สุคติ หลังจากนั้น ปั้นเหน่งชิ้นนั้นก็ตกทอดไปยังเจ้าของอื่นๆ อีกหลายมือ ตำนานรักของนางนาค นับเป็นตำนานรักอีกเรื่องหนึ่งที่ประทับใจผู้ฟังอย่างมิรู้คลาย กับความรักที่มั่นคงของนางนาคที่มีต่อสามี แม้แต่ความตายก็มิอาจพรากหัวใจรักของนางไปได้

ผีปอบ

ผีปอบ
               ปอบ เป็นผีจำพวกหนึ่ง ที่อยู่ในความเชื่อพื้นบ้านของไทย โดยเฉพาะในภาคอีสาน โดยเชื่อกันว่าเป็นผีที่กินของดิบ ๆ สด ๆ กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม โดยมีความเชื่อว่า ผู้ที่จะกลายเป็นปอบนั้น มักจะเป็นผู้เล่นคาถาอาคม หรือคุณไสย พอรักษาคาถาอาคมที่มีอยู่กับตัวไม่ได้ หรือกระทำผิดข้อห้าม ซึ่งในภาษาอีสานจะเรียกว่า "คะลำ" ซึ่งผู้ที่เป็นปอบจะเป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
              ปอบ เป็นผีที่ไม่มีตัวตนเหมือนกระสือหรือกองกอย แต่ปอบจะเข้าสิงสู่คนที่เป็นสื่อให้ และจะกินตับไตไส้พุงของผู้ที่โดนสิงจนกระทั่งตาย ผู้ที่โดนกินจะนอนตายเหมือนกับนอนหลับธรรมดา ๆ ไม่มีบาดแผล ซึ่งเรียกกันว่า "ใหลตาย"

ผีนางตานี

               
 ผีนางตานี
           นางตานี เป็นผีผู้หญิง เช่นเดียวกับนางตะเคียน นางตานีจะสิงสถิตอยู่ในต้นกล้วยตานี และต้องเป็นกล้วยตานีตายพราย (ต้นกล้วยตานีที่ออกปลีแล้วตาย)นางตานีจะมีรูปร่างหน้าตาสวยสด หมดจด งดงาม ห่มสไบสีเขียว และนุ่งโจงกระเบนแบบหญิงโบราณชอบล่อชายไปลวนลาม เเละนางตานียังมีเเรงหึงหวงที่น่ากลัวอีกด้วย เพราะถ้าชายที่มีอะไรกับนางเเล้ว เมื่อไปมีผู้หญิงคนอื่นนางตานีก็จะตามไปหักคอชายผู้นั้นทันที ด้วยเเรงหึงหวงนั้นเองบางความเชื่อก็ว่า ผู้ที่ได้นางตานีเป็นเมียนั้นมักจะมีอันเป็นไป เพราะพลังชีวิตทั้งสองฝ่ายนั้นจะถ่ายทอดซึ่งกันและกัน ดังที่โบราณได้กล่าวไว้ว่า "คนอยู่ส่วนคน ผีอยู่ส่วนผี คนกับผีอยู่มิได้" ผลข้างเคียงในการถ่ายทอดพลังชีวิตของฝ่ายชายนั้นจะสังเกตได้จากอาการคือซูบผอม แก้มตอบเมื่อคนอดอาหาร ชาวบ้านมักจะสังเกตอาการนั้นและรู้ทันทีว่าคนผู้นั้นมีเมียเป็นนางตานี ก็จะขอพระภิกษุหรือหมอผีที่มีวิชาอาคมแก่กล้าให้ทำพิธีกรรมให้คนทั้งสองแยกจากกันแยกจากกันและให้นางตานีไปสู่สุขคติ

ผีตะเคียน

ผีตะเคียน
             นางตะเคียน เป็นผีตามตำนานพื้นบ้านของไทย เป็นผีผู้หญิง สิงสถิตอยู่ในต้นตะเคียนบริเวณผืนป่าที่ผีนางตะเคียนสิงสู่อยู่จะสะอาดสะอ้านเหมือนมีคนมาปัดกวาดอยู่เสมอๆ ก็คงเหมือนกับคนอยู่บ้านต้องออกมาปัดกวาดหน้าบ้านตัวเองให้สะอาดอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
นางตะเคียนมักมีรูปร่างหน้าตาสะสวย หมดจดงดงาม ผมยาว ห่มสไบ ใส่ผ้าถุง บางที่ก็ว่าแต่งตัวเหมือนสาวบ้านป่าทั่ว ๆ ไป ผีนางตะเคียนมักจะเป็นจำพวกหวงที่อยู่ และจะดุร้ายมากหากใครคิดจะรุกรานที่อยู่ของตน  ผู้คนที่มีความเชื่อเรื่องนี้ มักเชื่อว่าต้นตะเคียนมักมีผีนางตะเคียนสิงอยู่ การจะนำเอาต้นตะเคียนมาขุดเป็น เรือ (เรือสมัยก่อนใช้วิธีขุดขึ้นจากต้นไม้ทั้งต้น) หรือนำไม้ตะเคียนมาสร้างบ้าน จำเป็นจะต้องทำพิธีบวงสรวงขออนุญาตจากนางตะเคียนก่อน ทั้งนี้ เมื่อต้นตะเคียนที่ถูกนำมาแปรสภาพเป็นยานพาหนะ หรือสิ่งปลูกสร้างแล้ว นางตะเคียนที่สิงสถิตอยู่ในต้นตะเคียนนั้นก็จะเปลี่ยนแปลงสถานะตามไปด้วย เช่น ถ้าเป็นเรือ นางตะเคียนก็จะกลายเป็นแม่ย่านางเรือ เป็นต้น ต้นตะเคียน ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์และมีผีสิงอยู่ มักจะได้รับการเรียกชื่อว่า เจ้าพ่อ หรือ เจ้าแม่ตะเคียนนางตะเคียน เป็นผี ตามตำนานพื้นบ้านของไทย

กระสือ

            

            กระสือเป็นผีชนิดหนึ่ง เชื่อกันว่าสิงสู่อยู่ในตัวของคนเพศหญิงซึ่งโดยมากมักเป็นยายแก่ ชอบรับประทานของสดคาว มักออกหากินกลางคืนและไปแต่หัวกับตับไตไส้พุง ส่วนร่างกายคงทิ้งไว้ที่บ้าน เวลาไปจะเห็นเป็นดวงไฟดวงโตมีแสงสีเขียวเรืองวามๆ
          ใครคลอดลูกใหม่ กลิ่นสดคาวของเลือดจะชักนำให้ผีกระสือมาและเข้าสิงกินตับไตไส้พุงของหญิงที่คลอดลูกหรือของทารกที่คลอดนั้น เหตุนี้ชาวบ้านจึงมักเอาหนามพุทราสะไว้ที่ใต้ถุนเรือนตรงที่มีร่องมีรู เพื่อป้องกันมิให้กระสือเข้ามา เชื่อกันว่ากระสือกลัวหนามเกี่ยวไส้นอกจากของสดของคาวแล้ว กระสือยังชอบรับประทานของโสโครกเช่นอุจจาระเป็นต้น เมื่อรับประทานแล้วเห็นผ้าของใครตากทิ้งค้างคืนไว้ก็เข้าไปเช็ดปาก ผ้านั้นจะปรากฏเป็นรอยเปื้อนดวง ๆ ถ้าเอาผ้านั้นไปต้มกระสือจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนปากทนไม่ไหวจนต้องมาขอร้องไม่ให้ต้มต่อไป   กระสือนั้นเมื่อเจ็บจวนจะตายก็ไม่ตายง่ายๆ ต้องคายน้ำลายของตนถ่ายเข้าปากลูกหลานคนใดคนหนึ่งไว้ให้สืบทายาทเป็นกระสือต่อก่อน ตนจึงจะตายได้โดยไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป  การปราบกระสือนั้น ไม่สามารถไล่ผีที่มาสิงสู่ออกจากร่างเหยื่อได้ ว่ากันว่าวิญญาณนั้นได้หยั่งลึกลงในใจของคน ๆ นั้นแล้ว ฉะนั้น การปราบกระสือก็เท่ากับต้องฆ่าคนๆ นั้นไปเลย