วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ตัวการ์ตูน เรื่อง วันพีช


มังกี้ ดี ลูฟี่ (モンキー・D・ルフィ , Monkey D. Luffy)
- ค่าหัวปัจจุบัน 500,000,000 เบรี (อดีตค่าหัว 400,000,000 เบรี / 300,000,000 เบรี / 100,000,000 เบรี และ 30,000,000 เบรี)
- ถิ่นกำเนิด อีสท์บลู เกาะรุ่งอรุณ อาณาจักรโกอา หมู่บ้านฟูซา
- กัปตันกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง , ผู้นำสูงสุดของกองเรือโจรสลัดหมวกฟาง
- ลูกศิษย์ของ ซิลเวอร์ซ เรย์ลี่ย์
- หลายชายของ พลโทแห่งศูนย์ใหญ่กองทัพเรือ วีรบุรุษแห่งกองทัพเรือ มังกี้ ดี การ์ป และ ลูกชายของผู้นำสูงสุดของกองกำลังคณะปฏิวัติ มังกี้ ดี ดราก้อน
- พี่น้องร่วมสาบานของ เอส และ ซาโบ้
- ผลปีศาจ ผล โกมุ โกมุ ผลยาง สายพารามีเซีย มีร่างกายเป็นยางสามารถ ยืดขยายส่วนต่างๆของร่างกายได้ เป่าลมเข้าไปจนเหมือนเป็นลูกโป่งได้เพื่อช่วยในการรับและโจมตีศัตรูด้วยร่างกายขนาดยักษ์ แพ้ของมีคม สามารถประยุกต์พลังและพัฒนาได้เป็น เกียร์ 2 , 3 และ 4 ได้
- ผู้ใช้ฮาคิ ได้ 3 แบบคือ ฮาคิราชันย์ , ฮาคิเกราะ และ ฮาคิสังเกต (ถนัดใช้ฮาคิราชันย์มากสุด รองมาเป็นฮาคิเกราะและฮาคิสังเกตตามลำดับ)
- ผู้ใช้วิชา สู้มือเปล่า และหลายๆส่วนของร่างกายต่อสู้
- ฉายา หมวกฟาง / ลูฟี่แลนด์ (ชาวทอนตัตต้าเรียก)
- วันเกิด 5 พฤษาคม
- อายุปัจจุบัน 19 ปี (ก่อนไทม์สคิป 17 ปี)
- ส่วนสูง 174 เซนติเมตร (ก่อนไทม์สคิปสูง 172 เซนติเมตร)
- ความฝัน เป็นราชาโจรสลัด ในความหมายของลูฟี่คือผู้ที่มีอิสระมากที่สุดในทะเล


โรโรโนอา โซโล (ロロノア・ゾロ , Roronoa Zoro)
- ค่าหัวปัจจุบัน 320,000,000 เบรี (อดีตค่าหัว 120,000,000 เบรี / 60,000,000 เบรี)
- ถิ่นกำเนิด อีสท์บลู หมู่บ้านชิโมสึกิ
- นักดาบประจำเรือกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง
- อดีตนักล่าค่าหัว
- ลูกศิษย์ของ อิชชิน (พ่อคุอินะ) , จูราคิล มิฮอว์ค
- ผลปีศาจ ไม่มี
- ผู้ใช้ฮาคิ ได้ 2 แบบคือ ฮาคิเกราะ และ ฮาคิสังเกต (ถนัดใช้ฮาคิเกราะมากกว่า)
- ผู้ใช้วิชา 3 ดาบ อาวุธคู่กายบัจจุบัน 1 ดาบวาโดอิจิมอนจิ (1ใน21ดาบชั้นดี , หลังไทม์สคิพใช้คาบที่ปาก) 2    ดาบซันไดคิเตสึ (ดาบอาถรรพ์ , หลังไทม์สคิพใช้ที่มือซ้าย) 3 ดาบชูซุย (1ใน21ดาบชั้นดี , หลังไทม์สคิพใช้ที่มือขวา)
- ฉายา นักล่าค่าหัวโจรสลัด / โซโลแลนด์ (ชาวทอนตัตต้าเรียก) / มิสเตอร์บูชิโด (วีวี่เรียกสมัยแรกๆ) / ชื่อเล่นที่ซันจิเรียกมีเยอะ เช่น ไอหัวเขียว ,ไอหัวมอส ,ไอหัวสาหร่าย
- วันเกิด 11 พฤศจิกายน
- อายุปัจจุบัน 21 ปี (ก่อนไทม์สคิป 19 ปี)
- ส่วนสูง 181 เซนติเมตร (ก่อนไทม์สคิปสูง 178 เซนติเมตร)
- ความฝัน เป็นนักดาบอันดับ 1 ของโลก โดยเอาการชนะมิฮอร์ค ตาเหยี่ยวนักดาบอันดับ 1 ของโลก
 นามิ (ナミ , Nami)
- ค่าหัวปัจจุบัน 66,000,000 เบรี (อดีตค่าหัว 16,000,000 เบรี)
- ถิ่นกำเนิด อีสท์บลู หมู่บ้านโคโคยาชิ (เป็นสถานที่ๆนามิเติบโตมา เพราะนามิเป็นเด็กกำพร้าที่โนจิโกะเจอมาแล้วเบลเมลที่ไปเจอเข้าจึงเก็บทั้งคู่มาเลี้ยง)
- ต้นหนประจำกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง
- อดีตสมาชิกกลุ่มโจรสลัดอารอง (จำใจเป็นเพื่อช่วยหมู่บ้านอยู่เบื้องหลัง) / ลูกสาวบุญธรรมของทหารเรือหญิงเบลเมล และ น้องสาวบุญธรรมของโนจิโกะ
- ลูกศิษย์ของ ผู้เฒ่าฮาเรดาสึ บนเกาะท้องฟ้าเวเธอเรีย
- ผลปีศาจ ไม่มี
- ผู้ใช้กระบอง อาวุธคู่กายคือกระบองคุริมะ กระบองพิเศษที่สามารถสร้างสภาพอากาศต่างๆขนาดย่อมในการต่อสู้ได้ (ญี่ปุ่นอ่าน คุริมะ อังกฤษคือ คลิม่า Clima)
- ฉายา แมวขโมย
- วันเกิด 3 กรกฎาคม
- อายุปัจจุบัน 20 ปี (ก่อนไทม์สคิป 18 ปี)
- ส่วนสูง 170 เซนติเมตร (ก่อนไทม์สคิปสูง 169 เซนติเมตร)
- สัดส่วน ทรีไซส์ B98 (J Cup) , W58 , H88 (Bust , Waist , Hip / (อก , เอว , สะโพก) (ไทม์สคิป)
- ความฝัน เขียนแผนที่โลกให้สำเร็จ
 อุซป (ウソップ , Usopp)
- ค่าหัวปัจจุบัน 200,000,000 เบรี (อดีตค่าหัว 30,000,000 เบรี)
- ถิ่นกำเนิด อีสท์บลู เกาะเก็กโค หมู่บ้านไซรับ
- พลซุ่มยิงประจำกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง
- อดีตกัปตันกลุ่มโจรสลัดอูซป
- ลูกศิษย์ของ เฮราเครสัน (เฮอร์คิวลิส) ผู้เชี่ยวชาญการเอาตัวรอดโดยใช้อุปกรณ์และเมล็ดพันธ์ต่างๆ จากเกาะ โบอิน
- ผลปีศาจ ไม่มี
- ผู้ใช้ อุปกรณ์ซุ่มยิงต่าง เช่น หนังสติ๊ก หน้าไม้ ปืนใหญ่ต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ อาวุธคู่กายคือหนังสติ๊กคาบูโตะ มีหลายแบบ เช่น คาบูโตะสั้น คาบูโตะยาว คาบูโตะดำ และกระสุนพิเศษป๊อปกรีนต่างๆที่ปลูกเองบนเรือซันนี่ กับวางกับดักศัตรู กับไดอัล
- ผู้มีฮาคิ ฮาคิสังเกตรับรู้ระดับเทพ เหมือน ไอซ่า , โคบี้ ที่จะสามารถสัมผัส ได้ยินหรือมองเห็นสิ่งต่างๆรอบตัวในบริเวณกว้างและไกลมากเกินกว่าขอบเขตหรือระยะจำกัดของการรับรู้ของคนธรรมดาทั่วไป
- ฉายา จอมโกหก / ผู้กล้าแห่งท้องทะเล (เรียกตัวเอง) / ราชานักซุ่มยิง : โซเงคิง / อูโซแลนด์ (ชาวทอนตัตต้าเรียก) / ก็อด
- วันเกิด 1 เมษายน
- อายุปัจจุบัน 19 ปี (ก่อนไทม์สคิป 17 ปี)
- ส่วนสูง 176 เซนติเมตร (ก่อนไทม์สคิปสูง 174 เซนติเมตร)
- ความฝัน เป็นนักรบผู้กล้าหาญแห่งท้องทะเล เพื่อจะออกตามหายาซปผู้เป็นพ่อที่น่าชื่นชม กับเดินทางไป- ดินแดนที่ยิ่งใหญ่บ้านเกิดของเกาะคนยักษ์ เกาะเอลบัฟ
 
ซันจิ (サンジ Sanji)
- ค่าหัวปัจจุบัน 177,000,000 เบรี มีข้อที่พิเศษมากๆในใบหมายจับปกติจะเป็น DEAD OR ALIVE แต่ของซันจิเป็น ALIVE ONLY นั่นคือต้องจับเป็นเท่านั้นจึงจะได้รับค่าหัว (อดีตค่าหัว 77,000,000 เบรี)
- ถิ่นกำเนิด นอร์ทบลู (แต่ไปโตที่อีสท์บลู)
- กุ๊กประจำกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง
- อดีตรองเชฟของภัตตาคารลอยทะเล บาราติเอ / บุตรคนที่ 4 แห่งตระกูลวินสโม็ค(ตระกูลวินสโม็คเริ่มนับตั้งแต่เลข 0 เลยจะเห็นเสื้อซันจิเป็นเลข 3 ในมังงะตอนที่ 833)
- พี่น้องของ เรจู พี่คนโต , อิชิจิ พี่คนรอง , นิจิ พี่คนที่ 3 , ยงจิ น้องชาย
- ลูกศิษย์ของ เซฟขาแดง , อีวานคอฟ และเหล่ากระเทยแห่งอาณาจักรคามะบักกะ บนเกาะโมโมอิโระ (เกาะกระเทย)
- ผลปีศาจ ไม่มี
- ผู้ใช้ฮาคิ ได้ 2 แบบคือ ฮาคิเกราะ และ ฮาคิสังเกต (ถนัดใช้ฮาคิสังเกตมากกว่า)
- ผู้ใช้เพลงเตะ และขาในการต่อสู้
- ฉายา ขาดำ
- วันเกิด 2 มีนาคม
- อายุปัจจุบัน 21 ปี (ก่อนไทม์สคิป 19 ปี)
- ส่วนสูง 180 เซนติเมตร (ก่อนไทม์สคิปสูง 177 เซนติเมตร)
- ความฝัน ค้นหาออลบลู ทะเลที่เป็นแหล่งรวมของทะเลทั้ง 4 ที่มีปลาจากทุกที่อาศัยอยู่ที่เดียวกัน
- ชื่อจริง วินสโม็ค ซันจิ (ヴィンスモーク・サンジ Vinsmoke Sanji)
โทนี่ โทนี่ ช็อปเปอร์ (ニートニー・チョッパー , Tony Tony Chopper)
- ค่าหัวปัจจุบัน 100 เบรี (อดีตค่าหัว 50 เบรี)
- ถิ่นกำเนิด แกรนด์ไลน์ เกาะดรัม อาณาจักรดรัม
- หมอประจำกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง
- อดีตสัตว์เลี้ยงและลูกศิษย์ของ ด็อกเตอร์ คุเรฮะ(ด็อกทรีนู) / อดีตสัตว์เลี้ยงและผู้ช่วยของ ด็อกเตอร์ ฮิลลุค(หมอเถื่อนฮิลลุค)
- ผลปีศาจ ผล ฮิโตะ ฮิโตะ ผลมนุษย์ สายโซออน ทำให้กลายเป็นมนุษย์โดย พูดได้ คิดได้ และใช้พลังแปลงร่างผสานแบบสายโซออนทั่วไป หากมนุษย์ได้กินผลนี้เข้าไป จะไม่เกิดผลใดๆ
- ฉายา ผู้ชื่นชอบสายไหม / เรนเดียร์จมูกสีน้ำเงิน / ทานุกิ (แรคคูน)
- วันเกิด 24 ธันวาคม
- อายุปัจจุบัน 17 ปี (ก่อนไทม์สคิป 15 ปี)
- ส่วนสูง 90 เซนติเมตร (ร่างครึ่งสัตว์เป็นพื้นฐาน กับน่ารักๆ) (ก่อนไทม์สคิปสูงเท่าเดิม)
- ความฝัน เป็นหมอที่รักษาได้ทุกโรค



 


 
นิโค โรบิน (ニコ・ロビン , Nico Robin)
- ค่าหัวปัจจุบัน 130,000,000 เบรี (อดีตค่าหัว 80,000,000 เบรี / 79,000,000 เบรี)
- ถิ่นกำเนิด เวสต์บลู
- นักโบราณคดีประจำกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง
- อดีตรองบอสของบาร็อกเวิร์คส์ มิสออลซันเดย์ (Miss All Sunday)
- ลูกศิษย์ของ โครเวอร์ อัจฉริยะของเกาะโอฮาร่า และ ลูกสาวของ นิโค โอลเวีย
- ผลปีศาจ ผล ฮานะ ฮานะ ผลดอกไม้ สายพารามีเซีย งอกหรือแตกส่วนต่างๆของร่างกายที่ไหนก็ได้ที่เธอมองเห็นเหมือนดอกไม้ โดยทุกส่วนเชื่อมต่อกับร่างหลัก โดยร่างหลักสามารถรับรู้ได้ สามารถงอกได้ทั้งร่างกายเพื่อเป็นตัวล่อถ่วงเวลาได้
- ฉายา ทายาทปีศาจจากโอฮาร่า / เด็กปีศาจ / แสงสว่างแห่งกองทัพปฏิวัติ / โรบินแลนด์ (ชาวทอนตัตต้าเรียก)
- วันเกิด 6 กุมภาพันธ์
- อายุปัจจุบัน 30 ปี (ก่อนไทม์สคิป 28 ปี)
- ส่วนสูง 188 เซนติเมตร (ก่อนไทม์สคิปสูงเท่าเดิม)
- สัดส่วน ทรีไซส์ B100 (J Cup) , W60 , H90 (Bust , Waist , Hip / (อก , เอว , สะโพก) (ไทม์สคิป)
- ความฝัน ต้องการรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เมื่อ 100 ปีแห่งความว่างเปล่าโดยการเชื่อมต่อข้อความจาก โพเนกลีฟ



แฟรงกี้ ( フランキー , Franky) ชื่อจริง คัตตี้ แฟลม (カティ・フラム , Cutty Flam)
- ค่าหัวปัจจุบัน 94,000,000 เบรี (อดีตค่าหัว 44,000,000 เบรี)
- ถิ่นกำเนิด เซาท์บลู (แต่มาโตในแกรนด์ไลน์ตั้งแต่ยังเล็กก่อนจะจำความได้)
- ช่างซ่อมเรือประจำกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง
- อดีตบอสตระกูลแฟรงกี้ / อดีตนักแยกชิ้นส่วนเรือ
- ลูกศิษย์ของ ทอม ช่างต่อเรือในตำนาน / ศิษย์รุ่นน้องของ ไอซ์เบิร์ก
- ผลปีศาจ ไม่มี
- ฉายา ไซบอร์ก / แฟรงกี้โชกุน
- คนออกแบบและหนึ่งในทีมผู้สร้างเรือ เธาซั่นด์ ซันนี่
- วันเกิด 9 มีนาคม
- อายุปัจจุบัน 36 ปี (ก่อนไทม์สคิป 34 ปี)- ส่วนสูง 240 เซนติเมตร (ก่อนไทม์สคิปสูง 225 เซนติเมตร)
- ความฝัน สร้างเรือที่ฝ่าฟันได้ทุกทะเล โดยตนเป็นช่างบนเรือลำนั้น


 
บรู๊ค ( ブルック , Brook)
- ค่าหัวปัจจุบัน 83,000,000 เบรี (อดีตค่าหัว 33,000,000 เบรี)
- ถิ่นกำเนิด เวสต์บลู
- นักดนตรีและนักดาบประจำกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง
- อดีตกัปตันคนที่ 2 และสมาชิกของกลุ่มโจรสลัดรุมบ้า และเป็นคนสุดท้ายที่เหลือรอด / อดีตหัวหน้าองครักษ์ของราชอาณาจักร รีเควี่ยม ลาบัง เดอ ลอ
- ผลปีศาจ ผล โยมิ โยมิ ผลคืนชีพ สายพารามีเซีย หากผู้ที่กินเข้าไปตายลง ผลปีศาจนี้จะแสดงฤิทธิ์โดยการคืนชีพ ได้ 1 ครั้ง คือการนำวิญญาณกลับมาใส่ในร่างเดิมได้อีกครั้งแม้ร่างนั้นจะเหลือเพียงกระดูกก็ตาม สามารถถอดวิญญาณและเรียกพลังจากโลกแห่งความตายได้
- ผู้ใช้วิชาดาบ 1 ดาบ อาวุธคู่กายคือดาบ 2 คมชื่อดาบชิโคมิสุเอะ เป็นไม้เท้าสีม่วงที่มีดาบที่ซ่อนอยู่ในไม่เท้า
- ฉายา สุภาพบุรุษโครงกระดูก / นักดาบฮัมเพลง / ฮัมเพลงบรู๊ค (ฮัมมิ่งบรู๊ค) / ท่านซาตาน / โซลคิง
- วันเกิด 3 เมษายน
- อายุปัจจุบัน 90 ปี (ก่อนไทม์สคิป 88 ปี)
- ส่วนสูง 277 เซนติเมตร (ก่อนไทม์สคิปสูง 266 เซนติเมตร เปลี่ยนหมวกเลยสูงขึ้น)
- ความฝัน อยากกลับไปหาลาบูน (เพื่อนปลาวาฬ)

 

มะม่วงหาวมะนาวโห่


 
                 มะม่วงหาวมะนาวโห่ เป็นพืชสมุนไพรไทยชื่อแปลกอีกชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์และสรรพคุณที่หลากหลาย โดยที่มะม่วงหาวมะนาวโห่จัดเป็นผลไม้ประเภทรับประทานผลสุก มีรสชาติเปรี้ยวเฉพาะตัว แต่อร่อย ผลสุกสีแดงขนาดเล็ก คล้ายกับมะเขือเทศราชินีหรือองุ่นแดง ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ไม่ได้มีเพียงแค่การรับประทานผลสุกเท่านั้น แต่เราสามารถทำแทบทุกส่วนของลำต้นมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้นในรูปแบบของสมุนไพรรักษาโรค
            มะม่วงหาวมะนาวโห่เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงราว 5-10 เมตร มีชื่อเรียกหลายชื่อตามแต่ภูมิภาค เช่น ต้นหนามแดง มะนาวไม่รู้โห่ มะนาวโห่ และหนามขี้แฮด เป็นต้น

ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่

อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นว่ามะม่วงหาวมะนาวโห่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้แทบทุกส่วนของต้น ทั้งการรับประทานผลสด การนำผลไปประกอบอาหาร การใช้ประโยชน์จากใบและยอดอ่อน รวมถึงราก ลำต้นและยาง โดยสามารถแยกแยะได้ดังนี้
ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ ผล

- ผลสุกสามารถนำมารับประทานเป็นผลไม้
- สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายชนิด
- มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้าน
มะเร็งและชะลอความแก่
- มีประโยชน์ช่วยให้ร่างกายสดชื่นและกระชุ่มกระชวย
- ผลของมะม่วงหาวมะนาวโห่มีธาตุเหล็กสูง ช่วยบำรุงเลือด
- ช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคถุงลมโป่งพอง
- ช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคตับ
- ช่วยบรรเทาอาการของโรคเกาต์และไทรอยด์
- ช่วยบรรเทาอาการมือเท้าชา
- ช่วยบรรเทาอาการของโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต
- ผลของมะม่วงหาวมะนาวโห่มีประโยชน์ช่วยลดอาการไอ
- มีส่วนช่วยลดอาการภูมิแพ้
- ผลสุกมี
วิตามินซีสูง ช่วยลดอาการเลือดออกตามไรฟัน
- ผลมีสรรพคุณช่วยขับปัสสาวะ
- สามารถช่วยฆ่าเชื้อและสมานแผล
- ช่วยลดอาการปวดเมื่อยตามร่างกายและข้อ

ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ ใบและยอดอ่อน
- แก้อาการเจ็บคอ รักษาแผลในปากเจ็บในปาก
- ช่วยลดอาการไข้
- มีสรรพคุณแก้อาการท้องเสีย
- มะม่วงหาวมะนาวโห่มีประโยชน์ช่วยรักษาโรคลมชัก
- มีประโยชน์ช่วยรักษาโรคบิด
- สามารถช่วยไข้มาลาเลีย
- แก้อาการปวดในช่องหู
- มีสรรพคุณช่วยรักษาริดสีดวงทวาร

ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ ราก
- ช่วยบรรเทาอาการไข้ ช่วยถอนพิษไข้
- มีประโยชน์ช่วยดับพิษร้อน
- มีสรรพคุณช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร
- ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ช่วยขับพยาธิได้หลายชนิด
- ช่วยรักษา
อาการคันตามผิวหนัง
- รากมะม่วงหาวมะนาวโห่มีประโยชน์ช่วยรักษาแผลเบาหวาน

ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ ลำต้นและเนื้อไม้
- มีสรรพคุณช่วยให้ร่างกายแข็งแรง กระปรีกระเปร่า
- มีประโยชน์แก้อาการอ่อนเพลียและเมื่อยล้า
- ช่วยบำรุงกำลังและร่างกาย ทำให้มีกำลังวังชาดี
- ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ช่วยบำรุงธาตุ ทำให้อวัยวะต่างๆของร่างกายทำงานได้อย่างสมดุล
- สามารถใช้รักษาโรคผิวหนังเรื้อรัง ทำให้ผิวพรรณชุ่มชื่นขึ้น

ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ ยาง
- สามารถใช้เป็นยาช่วยรักษาโรคเท้าช้าง
- มีสรรพคุณช่วยสมานแผลและรักษาแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
- ยางมะม่วงหาวมะนาวโห่มีประโยชน์ช่วยรักษากลากเกลื้อน
- สามารถช่วยรักษาหูดได้
- มีประโยชน์ช่วยรักษาตา
ปลา


 

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559

มะม่วงแท้ต้องแบบนี้

มะม่วงของแท้ต้องแบบนี้ !! มะม่วงน้ำดอกไม้สีม่วง
มะม่วงน้ำดอกไม้สีม่วง !! เกิดจากการผสมระหว่างมะม่วงน้ำดอกไม้เบอร์ 4 ปากน้ำ กับมะม่วงหงจูของไต้หวัน จนเกิดเป็นมะม่วงที่มีลักษณะพิเศษ
             เพื่อน ๆ เคยสงสัยกันไหมว่าผลไม้ที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวันนี้ ทำไมมันจึงมีชื่อเรียกที่บางทีก็ไม่ค่อยเข้ากับลักษณะของมัน อย่างเช่น มะม่วง ทำไมถึงเป็นสีเขียว...แต่ว่าต่อไปนี้ ทุกคนไม่ต้องสงสัยกันอีกต่อไป เพราะตอนนี้เกษตรกรที่จังหวัดนนทบุรี สามารถเพาะพันธุ์มะม่วงที่มีสีม่วงจริง ๆ ได้แล้วล่ะ 
             โดยเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา
เฟซบุ๊กเพจ ดร.พนม ปีย์เจริญ Official ได้โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความ ระบุว่า ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ได้เพาะพันธุ์มะม่วงน้ำดอกไม้ชนิดใหม่ที่มีลักษณะพิเศษคือ ลักษณะของผลจะเป็นสีม่วง โดยมะม่วงสีม่วงนี้เกิดจากการผสมเกสรของมะม่วงน้ำดอกไม้เบอร์ 4 ปากน้ำ กับมะม่วงหงจูของไต้หวัน และนำไปเพาะปลูกจนทดสอบมั่นใจแล้วว่า มะม่วงพันธุ์ใหม่นี้ คือมะม่วงที่มีสีม่วงจริง ๆ โดยตั้งชื่อพันธุ์ว่า มะม่วงน้ำดอกไม้สีม่วง นั่นเอง
มะม่วงของแท้ต้องแบบนี้ !! มะม่วงน้ำดอกไม้สีม่วง
             สำหรับข้อความในเฟซบุ๊ก ดร.พนม ปีย์เจริญ Official ทั้งหมด มีดังนี้
           มะม่วงของแท้ต้องแบบนี้ !! มะม่วงน้ำดอกไม้สีม่วง
  "มะม่วงน้ำดอกไม้สีม่วง" กับที่มาสายพันธุ์
             มะม่วงชนิดนี้ เกิดจากการพัฒนาพันธุ์ของ ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ด้วยวิธีผสมเกสร ระหว่างมะม่วงน้ำดอกไม้เบอร์ 4 ปากน้ำ กับมะม่วงหงจูของไต้หวัน จากนั้นนำเอาเมล็ดที่ได้จากผลสุกหลายเมล็ด ไปเพาะเป็นต้นกล้าปลูกจนต้นโตมีดอกและติดผล ปรากฏว่าผลดกมาก รูปทรงผลเหมือนกับผลมะม่วงน้ำดอกไม้พันธุ์พ่อ ส่วนสีผลไม่เป็นสีเขียว แต่จะเป็นสีม่วงตั้งแต่ติดผลอ่อนขนาดเล็ก กระทั่งผลแก่และสุกคล้ายสีของมะม่วงหงจู ซึ่งเป็นพันธุ์แม่ และสีจะเข้มกว่าอย่างชัดเจน ทำให้ดูสวยงามมาก ทางศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรฯ ได้ปลูกทดสอบพันธุ์จนมั่นใจว่าเป็นมะม่วงพันธุ์ใหม่อย่างแน่นอนแล้ว จึงตั้งชื่อประจำพันธุ์ว่า “มะม่วงน้ำดอกไม้สีม่วง” พร้อมขยายพันธุ์ตอนกิ่งออกวางขาย กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายอยู่ในเวลานี้
             มะม่วงน้ำดอกไม้สีม่วง มีข้อโดดเด่นคือ ผลเมื่อโตเต็มที่มีน้ำหนักเฉลี่ยระหว่าง 0.8-1.2 กิโลกรัมต่อผล ผลดิบรสเปรี้ยวไม่มากนัก ปอกเปลือกฝานบาง ๆ จิ้มพริกเกลือป่น หรือจิ้มน้ำปลาหวานอร่อยดี ผลสุกหวานหอมเป็นเอกลักษณ์ เมล็ดบางเล็ก เนื้อเหนียวแน่นไม่เละ กินกับข้าวเหนียวมูนหรือข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยได้คุณค่าทางโภชนาการไม่แพ้มะม่วงกินสุกทั่วไปแม้แต่น้อย เป็นมะม่วงติดผลเรื่อย ๆ เกือบทั้งปี ขยายพันธุ์ทั่วไปด้วยเมล็ด ตอนกิ่ง ทาบกิ่ง และเสียบยอด ใคร ต้องการกิ่งตอนด้วยระบบเสียบยอด ติดต่อศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ต.มหาสวัสดิ์

อ.บางกรวย จ.นนทบุรี โทร. 08–1806–5513

            

วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2559

แค่เพียง เสี้ยววินาที

       เรื่องเกิดขึ้นในวันหนึ่ง เมื่อครั้งผมยังเป็นน้องใหม่ในโรงเรียนมัธยมผมเห็นเด็กคนหนึ่งซึ่งเรียนอยู่ชั้นเดียวกันกำลังเดินกลับบ้านหลังเลิกเรียนผมจำได้ว่าเขาชื่อไคลล์ดูราวกับว่าเขากำลังขนหนังสือทุกเล่มของเขากลับบ้านด้วยผมคิดว่“ทำไมนะถึงยังมีคนหอบหนังสือทั้งหมดของตัวกลับบ้านในวันศุกร์ด้วย" หมอนี่มันจะต้องเป็นพวกคนประหลาดแน่ ๆเลยผมเองนั้นมีแผนการสำหรับวันหยุดเอาไว้แล้วนั่นคือไปงาน party และเล่นฟุตบอลกับพวกเพื่อนๆตอนบ่ายพรุ่งนี้คิดไปแล้วผมก็ยักไหล่จะเดินจากไปแต่ขณะนั้นผมก็เห็นเด็กกลุ่มหนึ่งวิ่งแข่งกันตรงมายังไคลล์จนชนเขาล้มลงคลุกฝุ่นข้างทางหนังสือในอ้อมแขนของเขาก็ตกกระจัดกระจาย ผมเห็นแว่นตาของเขากระเด็นไปตกบนพื้นหญ้าห่างจากตัวเขาประมาณ 10 ฟุต เขาเงยหน้าขึ้นและผมก็ได้เห็นความโศกเศร้าอย่างที่สุดในดวงตาของเขาใจผมวูบลงทันที ผมวิ่งเยาะ ๆไปหาเขาขณะที่เขากำลังคลำหาแว่นตาของตัวเองอยู่ผมสังเกตเห็นว่าตาของไคลล์มีน้ำตาคลอขณะที่ผมยื่นแว่นตาให้เขาผมก็พูดกับเขาว่า"งี่เง่าพวกนั้นน่ะ มันน่าจะเก็บซะจริงๆ"ไคลล์มองผมและพูดว่า "เฮ้ ขอบคุณนะ"ด้วยใบหน้าที่สดใสขึ้นจากรอยยิ้มที่แสดงถึงความสำนึกขอบคุณอย่างจริงๆผมช่วยเขาเก็บหนังสือ และถามว่าเขาอาศัยอยู่ที่ไหนมันน่าแปลกใจมากที่กลายเป็นว่าบ้านของเขาอยู่ใกล้ ๆบ้านผม ผมถามเขาว่าทำไมผมถึงไม่เคยพบเขามาก่อนเลยเขาบอกว่าก่อนหน้านี้เขาได้ไปเข้าเรียนอยู่ในโรงเรียนเอกชนซึ่งแน่นอนว่าผมก็ไม่เคยได้คบหากับเด็กโรงเรียนเอกชนด้วยผมช่วยเขาหอบหนังสือและเราสองคนก็พูดคุยกันไปตลอดทางที่กลับบ้านผมพบว่าไคลล์เป็นเด็กหนุ่มที่น่าสนใจทีเดียวผมถามเขาว่าต้องการจะมาเล่นฟุตบอลด้วยกันกับผมและเพื่อนในวันเสาร์รึเปล่าเขาตอบตกลงดังนั้นเราสองคนก็ได้ใช้เวลาในวันหยุดด้วยกันกับพวกเพื่อนๆ ผมและยิ่งผมได้รู้จักไคลล์มากขึ้นเท่าไรผมก็รู้สึกชอบเขามากขึ้นเท่านั้นพวกเพื่อน ๆของผมเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันในเช้าวันจันทร์ถัดมาผมก็ได้เจอไคลล์อีกพร้อมหนังสือกองโตเต็มหอบแขนผมหยุดเขาและพูดกับเขาว่า"ให้ตายเถอะ นายคิดที่จะเพาะกล้ามด้วยกองหนังสือพวกนี้ทุกวันเลยงั้นเหรอ!?"ไคลล์หัวเราะและแบ่งหนังสือครึ่งหนึ่งให้ผมช่วยถือจากวันนั้นมาจนตลอด 4ปีไคลล์และผมก็กลายเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากจนเมื่อพวกเราได้เป็นรุ่นพี่ปีสุดท้ายพวกเราก็ต่างเริ่มคิดถึงเรื่องการเรียนต่อในมหาวิทยาลัยไคลล์ตัดสินใจไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย Georgetownส่วนผมก็จะไปเรียนที่Dukeผมรู้ดีว่าเราจะยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่เสมอและระยะทางห่างไกลนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับความสัมพันธ์ของเราเลยไคลล์จะเรียนให้จบแพทย์และผมก็จะเรียนทางด้านธุรกิจโดยใช้ทุนการศึกษาของทีมฟุตบอลไคลล์ถูกเลือกให้เป็นผู้กล่าวคำอำลาในพิธีจบการศึกษาของชั้นเราผมยังคงล้อเลียนเขาอยู่ตลอดเวลาในเรื่องที่ว่าเขาเหมือนพวกคนประหลาดในขณะที่เขาต้องเตรียมสุนทรพจน์สำหรับงานการจบการศึกษาผมก็รู้สึกดีใจมากที่ไม่ใช่เป็นผมที่จะต้องขึ้นไปพูดบนเวทีในวันงานจบการศึกษาผมมองดูไคลล์ และคิดว่าเขาดูดีมากทีเดียวไคลล์นับว่าเป็นหนึ่งในบรรดาคนหนุ่มที่ในที่สุดก็สามารถค้นพบตัวเองในช่วงชีวิตของนักเรียนมัธยมไคลล์มีรูปร่างล่ำสันขึ้นและดูเหมาะมากกับแว่นตา เขามีนัดกับสาว ๆมากกว่าผมอีกและพวกผู้หญิงก็รักเขาทุกคนให้ตายเถอะมันทำให้ผมอนึกอิจฉาไม่ได้ในบางครั้งผมสังเกตเห็นว่าไคลล์กำลังกังวลเกี่ยวกับการกล่าสุนทรพจน์ผมจึงเข้าไปตบหลังให้กำลังใจและพูดว่า"เฮ้ หนุ่ม..นายจะต้องทำได้เยี่ยมอย่างแน่นอน!"ไคลล์มองผมด้วยสายตาเช่นทุกครั้งสายตาที่แสดงความขอบคุณอย่างจริงๆ เขายิ้มพร้อมพูดว่า"ขอบคุณ"ไคลล์กระแอม และ ได้เริ่มต้นสุนทรพจน์ของเขาว่า…"   วันจบการศึกษาเป็นโอกาสที่เราจะได้ขอบคุณบรรดาผู้ซึ่งได้ช่วยเหลือพวกเราให้ผ่านพ้นปีแห่งความยากลำบากพวกเขาเหล่านั้นก็คือ พ่อ แม่ คุณครู พี่น้องของคุณ หรือแม้แต่โค้ชกีฬาของคุณด้วย แต่อันที่จริงแล้วผู้ที่คอยช่วยเหลือคุณมากที่สุดนั้นก็คือเพื่อนๆ ของคุณนั่นเอง ผมได้มายืนอยู่ ณ ที่นี้ก็เพื่อที่จะบอกคุณทุกคนว่าการได้รับความเป็นเพื่อนจากใครบางคนนั้น นับเป็นการได้รับของขวัญอันสุดวิเศษและผมขอยืนยันสิ่งนี้ด้วยการเล่าเรื่องของผมให้พวกคุณ… "ผมมองไคลล์เพื่อนคนนี้ของผมอย่างไม่เชื่อสายตา ในขณะที่เขาเล่าถึงวันแรกที่เราสองคนได้พบกัน เขาเล่าว่าเขาได้วางแผนที่จะฆ่าตัวตายในช่วงวันหยุดโดยเขาเตรียมการทำความสะอาดล๊อคเกอร์เก็บ ของที่โรงเรียน และขนของทุกอย่างในนั้นกลับบ้านเพื่อที่แม่ของเขาจะได้ไม่ต้องลำบากมาทำให้เขาอีกในภายหลังไคลล์มองนิ่งมาที่ผมพร้อมยิ้มน้อยๆ น่าขอบคุณจริง ๆที่ผมได้ถูกช่วยชีวิตไว้…เพื่อนของผมช่วยผมไว้จากการตัดสินใจกระทำสิ่งซึ่งจะทำให้ผมไม่มีโอกาสได้มายืนพูดอยู่ ณที่นี้อีกเลยผมได้ยินเสียงเฮือกหายใจจากกลุ่มคนที่อยู่ในพิธีในขณะที่ได้ฟังเด็กหนุ่มรูปหล่อที่เป็นที่ชื่นชอบของพวกเขาเล่าให้ฟังถึงช่วง เวลาแห่งความอ่อนแอในชีวิต…ผมได้เห็นแม่และพ่อของไคลล์มองมาที่ผมพร้อมรอยยิ้มแสดงความขอบคุณอย่างเดียวกันและในบัดนั้นเองที่ผมได้เข้าใจถึงความหมายอันลึกซึ้งของคำที่ว่าคนเราไม่ควรประเมินค่าในการกระทำของตนเองน้อยไปเพราะเพียงแค่สิ่งเล็กน้อยที่คุณแสดงต่อใครบางคนก็สามารถที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาคนนั้นได้ทันทีไม่ว่าจะเป็นในทางดีหรือทางร้ายก็ตามในความเป็นเพื่อนนั้นพวกเราได้ถูกกำหนดให้มาพบเจอกันเพื่อที่จะได้ช่วยเป็นแรงผลักดันในชีวิตของกันและวันในทางใดทางหนึ่ง...ไคลล์จบสุนทรพจน์ของเขาว่า....เพราะ…เพื่อนคือเทพหรือนางฟ้าผู้ที่จะช่วยโอบอุ้มเราให้สามารถยืนหยัดบนขาได้อีกครั้งเมื่อปีกของเราลืมวิธีการที่จะบินไปชั่วขณะหนึ่ง
                                                                                                                                         ที่มา : ซ้อเหมา

10 วิธีดูใจก่อนเป็นแฟนใคร

          ยังมีเด็กกำพร้าในโลกนี้มากมายนัก ที่ถูกทอดทิ้ง พวกเขาโหยหาความรัก แต่กลับไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับมัน และยังมีคนอีกนับล้านคน ที่แสวงหาความรัก แต่ทั้งชีวิตกลับไม่เคยได้รู้จักกับความรักเลย ในขณะที่มีผู้คนอีกหลายคนบนโลกนี้ พยายามที่จะปฏิเสธความรัก ทั้งๆที่ความรักมันวนเวียนอยู่รอบๆตัวเขาคนหลายๆคน มี
1. ความฝันและความปรารถนาของว่าที่แฟนเป็นอย่างไร แล้วที่เจอแล้วน่ะนิสัยตรงสเปกไหม?
        ถ้าชายใดอยากได้แฟนเป็นแม่บ้านแม่เรือน และเป็นฝ่ายรับเหมางานบ้านไปรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว หนุ่มๆก็ควรสังเกตเอาก็ได้ ว่าสาวที่เขาคบหาอยู่ เธอชอบงานบริการสมาชิกในครอบครัวเป็นชีวิตจิตใจรึเปล่า ไม่ใช่รักที่จะเป็นเวิร์กกิ้ง วูแมน ตลอดเวลา ก็คงอุทิศชีวิตให้กับอาชีพการงานมากกว่าตรงข้าม หากคุณเป็นหญิงที่ปรารถนาคู่ครองเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง แต่ X ที่มีอยู่ดูแล้วไม่ค่อยอยากรับผิดชอบอะไร เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรับผิดชอบไม่ได้ เช่น เสื้อผ้าใส่แล้วก็ทิ้งกองไว้เป็นเดือน หรือจานชามยังล้างไม่เป็น จะยอมเสี่ยงเลือกคนนี้ เป็นแฟนไหมล่ะ
2. ให้ความสำคัญกับวันสำคัญของเราไหม?
       เช่น ครบรอบวันที่สารภาพรักครั้งแรก, วันคล้ายวันเกิด, จูบครั้งแรก หรือวันออกเดทแรก เหล่านี้ถือเป็นวันสำคัญยิ่งสำหรับผู้หญิง และเธอก็คาดหวังว่าแฟนก็ควรจำได้ด้วย แม้จำได้ไม่หมดแต่จำได้ บ้างก็ยังดี เพราะงี้ถ้าคุณเป็นฝ่าย "ไม่เอาไหน" ในเรื่องความจำ แต่ดันไปรักไปชอบกับคนจำแม่น จำเก่งล่ะก็ ถ้ายังไปกันรอดก็เชื่อเค้าเลย แต่ถ้ารีบปรับตัวก็ยังพอทำเนา
3. สุขภาพเป็นอย่างไร?
        คนที่คุณชอบพออยู่นั้น มีปัญหาสุขภาพด้านใดอยู่หรือเปล่า? เช่น เป็นมะเร็ง, เป็นลูคิเมีย หรือเป็น เอดส์ไหม ถ้ารู้ล่วงหน้าจะได้หาทางช่วยเหลือได้ทัน แต่หากเป็นเอดส์นี่ก็น่าคิดนะว่ายังควรจะเอามาทำแฟนอีกเหรอ อย่าว่าแต่เอดส์เลย ที่ควรระวัง เพราะแม้แต่โรคซิฟิลิส หรือโรคทางเพศสัมพันธ์ก็ควรถอนตัวไปซะเถอะ แต่ถ้าไม่สบายอย่างอื่น เช่น เจ็บคอเป็นหวัดอะไรเงียะ ควรประคบประหงมดูแลต่อไป คนเราลองจะเป็นคู่ทุกข์คู่ยากของกันและกันก็ควรเอาใจใส่หน่อยเด้
4. ประวัติครอบครัวเป็นไงบ้าง?
        คนที่คุณชอบพอนั้น เค้ามีความรักความผูกพันหรือขัดแย้งกับใครเป็นพิเศษ ในครอบครัวหรือเปล่า? สมาชิกในครอบครัวของเค้าลงรอย กันไหม? ถ้าไปเจอคนที่สมาชิกในครอบครัวรักใคร่กลมเกลียวกันดี ก็น่าจะส่อเค้าที่ดีว่า เค้าน่าจะเป็นคนรักครอบ-ครัว และให้ความสำคัญของครอบครัวนะ ว่าแต่ต้องตรองดูเหมือนกันนะว่า ครอบครัวไหนที่เค้ารักมากกว่ากัน เอ๊ะ จะเป็นครอบครัวเดิม หรือครอบครัวใหม่ที่คุณทั้งคู่กำลังจะเริ่มต้นด้วยกัน...ฮ้ะ
5. ความเลื่อมใสและศรัทธา พอจะไปกันได้ไหม?
       เชื่อไหมว่า แม้คนที่มีความแตกต่างกันสุดขั้ว แต่ถ้าเปิดใจกว้างและมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน คู่รักคู่นั้น ก็สามารถครองรักกันได้ตลอดรอดฝั่งแน่นอน เหตุนี้ ถ้ายังมีอะไรที่เข้าใจไม่ตรงกัน ก็ควรคุยกันก่อนจะได้ไม่เสียใจทีหลัง
6. ชอบและไม่ชอบอะไรบ้าง?
        สถานที่ท่องเที่ยวแบบไหนที่คนที่คุณแอบรักชอบบ้างน้า? จะได้ดอดไปเที่ยวกันสองต่อสองไง หรืออาหารจานเด็ดประเภทใดที่เราชอบเหมือนๆกัน ถ้าชอบอะไรคล้ายกันมันก็ดีไปอย่าง เพราะจะได้ไปไหนมาไหนหรือมีกิจกรรมร่วมกันดีออก แต่ถ้ามีที่ชอบไม่เหมือนกัน ก็อย่าได้ถอดใจตีจากกันไปซะก่อน เพราะบางทีการเรียนรู้ในสิ่งที่ชอบต่างกันอาจส่งผลดีกว่าในแง่ที่จะได้เปิดโลกทัศน์ ใหม่ๆก็ได้นะ
7. งานอดิเรกชอบทำอะไร?
      เค้าชอบทำอะไรยามว่างบ้างล่ะ ดูหนังฟังเพลง หรือชอบไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะ แล้วช็อปปิ้งไปด้วย หรือนิยมไปออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายที่โรงยิมหรือฟิตเนส บางคนชอบไปเล่นตีแบด หรือหวดลูกสักหลาดก็ขึ้นอยู่กับความถนัด งานอดิเรกเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยบอกให้รู้ได้ว่า คุณกับเค้าจะไปกันได้ไหม?
8. ความต้องการทางร่างกาย
     เค้าเป็นนักรักบันลือโลก หรือแบบขันที กันแน่? ซึ่งแรงสิเน่หานี่แหละเป็นสิ่งที่ควรนำมาพิจารณาชั่งใจกันให้ถี่ถ้วน เพราะถ้าเค้าน่ะวันๆเอาแต่คิดถึงเรื่องหลีสาว แถมยังสะสมวีซีดีที่รู้ๆกันไว้เพียบ ตรงข้าม คุณกลับเฉยๆชาๆกับความต้องการในด้านนี้ ขืนจับคู่กันระวังจะเกิดความ ไม่สมดุลได้นะ หรือถ้าคุณเป็นจอมหื่น ก็ยากที่จะไปกันได้ดี คิดดีดีน่ะจ้ะ
9. การวางแผนครอบครัวก่อนไหม?
       เอ๊ะ ถ้าร่วมหัวจมท้ายกันไป เราจะรีบมีลูกหรือชะลอไว้ก่อน ของพรรค์นี้ถ้าคุยกันอย่างเปิดใจก่อนก็น่าจะดี ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวคงได้ทะเลาะกันจนต้องเลิกราไปตามกรรมใครกรรมมันหรอก
10. การสมรส
        ถึงเวลาหรือยังที่ควรจะเป็นฝั่งเป็นฝาซะที แล้วคนที่คุณคบอยู่ตอนนี้เค้าเป็นคนที่ใช่แน่แล้วเหรอ? คุณมองเค้าแล้วเห็นอนาคตร่วมกันหรือเปล่า? ไม่ใช่ มองเห็นแต่ความว่างเปล่า หรือเต็มไปด้วยความไม่ พร้อมของทั้งคู่ ทั้งสองพร้อมจะรักและให้อภัยในความถูกมั่งผิดมั่งของกันและกันจริงนะ ถ้าในเมื่อยังมีสิทธิ์ที่จะเลือกได้อยู่ ก็ขอให้เลือกด้วยหัวใจและใช้สมองติ๊ดนึง ขืนเบื่อกันทีหลังล่ะจะทำไง ยังไงก็ไตร่ตรองคิดให้ดีก่อนน๊า.
                                                                                                                                   ที่มา : dek-d.com
       Liza : ไม่ทราบชื่อรักอยู่ในหัวใจ แต่ไม่กล้าที่จะพยายามเพื่อความรัก เพราะกลัวจะต้องผิดหวัง เสียใจ
คนบางคนมีความรักในหัวใจ แต่พอรู้ว่าเขาหรือเธอยังไม่มีใจให้เรา ก็หมดศรัทธาในความรักในทันที แทนที่จะพยายามและประคับประคองหัวใจตัวเองให้ถึงที่สุด บางทีการที่เราได้พยายามที่จะชนะหัวใจใคร ก็อาจทำให้เรากลายเป็นคนที่มีคุณค่าและทำให้อีกฝ่ายเห็นคุณค่าของเราด้วยเช่นกัน ถ้าเรารักใครสักคนอย่างแท้จริง รักจะไม่มีวันทำร้ายใคร มีแต่ตัวเราเองเท่านั้น ที่เอาข้ออ้างของความรักแล้วทำร้ายตัวเอง หากเรามองความรักให้ดี ความรักนั้นสวยงามและยิ่งใหญ่ ก่อเกิดพลัง แรงใจให้กับชีวิตของคนเรา ลองพยายามให้เต็มที่ ให้ถึงที่สุด ที่จะเอาชนะหัวใจของคนที่เรา”รัก” สักครั้ง ก่อนที่จะสายเกินไป หากวันหนึ่งที่เราสูญเสียเขาหรือเธอไปจริงๆ โดยที่เราไม่ได้พยายามอะไรที่จะทำให้เขามอบใจให้เราได้เลย เรานั่นแหละที่จะเป็นคนที่เสียใจที่สุดเพราะตัวเราเอง อย่าเพิ่งยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ลงแข่ง เพราะบางทีการพยายามสุดตัวของเรา ก็จะเกิดผลมากมาย ดีกว่าเราไม่ได้พยายามอะไรเพื่อหัวใจตัวเองเลย ลองดูสักครั้ง หากผลที่ได้กลับมาคือความผิดหวัง ก็จงอย่าเสียใจ เพราะว่าเราได้พยายามถึงที่สุดแล้วแล้ว และขอจงภูมิใจว่าเราเป็นคนที่มีคุณค่าที่สุด ที่ชีวิตนี้ได้เกิดมาแล้วได้ทำอะไรเพื่อหัวใจตัวเองและเพื่อหัวใจของคนที่เรารัก ความรักที่แท้จริงจะคู่ควรกับคนที่เห็นคุณค่าของความรักเท่านั้น วันนี้คุณพยายามทำอะไรเพื่อคนที่คุณรักแล้วหรือยัง

ที่มา : Liza

10 ปีที่ผ่านไปไม่มีค่าเท่ากับ 1วันที่เหลืออยู่

ความทรงจำเป็นสิ่งที่มีค่ามากสำหรับคนบางคน
โดยเฉพาะคนที่มีเวลาดีๆ ที่ใช้กับคนรัก
ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายคนหวงแหน
ต้องระลึกไว้ในความทรงจำ ต้องถนอมดูแลให้ดี
หลายคนจึงไม่อาจตัดใจจากวันเก่าๆ ได้เสียที
เพราะว่ามีความสุขกับการได้คิดถึงอะไรดีๆที่ผ่านไป
โดยลืมนึกไปว่าสิ่งที่ผ่านไปแล้วจะไม่มีวันย้อนกลับคืนมาได้อีก
หากจะต้องตัดใจลืมหรือเดินจากอดีตมาก็ไม่ได้อีก
เพราะเหตุผลที่ว่า "เสียดายเวลา" ที่คบกันมา
บางคนคบกันมานานจนแทบจำไม่ได้ว่า
เคยยิ้มให้กับความรักครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
เพราะหลังๆ มาก็อยู่แต่กับความทุกข์
จนนึกภาพความสุขไม่ออกแต่ที่ไม่กล้าเลิกเพราะยังคิดถึงวันเก่าๆ
แค่เสียดายเวลาที่คบกันมาเนิ่นนาน
โดยไม่คิดเลยว่า ทุกๆวันของวันนี้ พรุ่งนี้และวันต่อๆไป
ก็จะกลายเป็นเพียงวันเก่าๆ ที่น่าเสียดาย
และ...เวลาที่น่าเสียดายก็จะเพิ่มขึ้นๆ
จริงๆ แล้ว วันคืนในอดีต
ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้กับเราเลย
นอกจากมีไว้ให้ นึ ก ถึ ง
อาจจะทำให้เรายิ้มได้บ้าง แต่ทำให้เราคาดหวังไม่ได้
เราจะไปหวังว่าวันหนึ่ง วันเหล่านั้นจะกลับา
หรือจะไปเฝ้าฝันว่าความสุขเหล่านั้นยังคงเป็นปัจจุบัน
หรือหลอกตัวเองว่าตอนนี้ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม
จะยังไงก็แล้วแต่คือการหลอกตัวเองทั้งนั้น
ยอมรับเถอะว่าทุกอย่างได้ผ่านไปแล้ว และจบไปแล้ว
ความทรงจำเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
เวลาที่ผ่านมาไม่ว่าจะ 1 ปี 5 ปี หรือกี่สิบปี
ก้อไม่ได้มีความหมายมากไปกว่า..
หนึ่งวันข้างหน้าที่เราจะต้องมีชีวิตใหม่
ที่เราจะต้องเริ่มต้นใหม่
เมื่อคนเราต้องอยู่กับปัจจุบัน
เพื่อที่จะสร้างอนาคตให้ตัวเองได้อยู่ในอนาคตที่ดี
เวลา 10 ปี กับวันคืนที่เคยหวานชื่น
ไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่า 1 วันแห่งการเริ่มต้น
1 วันแห่งการแปรเปลี่ยนชีวิตของเราทั้งชีวิต
ใ ห้ ดี ก ว่ า ที่ เ ป็ น
" หากจะเสียดายเวลาน่ะ ไม่ต้องเสียดายเวลาที่คบกันมาหรอก
ให้เสียดายเวลาในวันข้างหน้า
ที่จะอดทนคบไปทั้งที่ไม่มีอะไรแล้วจะดีกว่า
แล้วยังจะมาเสียดายอดีต..
นึกดูดีๆ ว่าเสียดายอนาคต ดีกว่าไหม "

ที่มา : loverz..

นิทานสอนใจผู้หญิง

         กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว... อาเธอร์ถูกจับและจะโดนประหารชีวิต แต่กษัตริย์เสนอให้เขาเป็นอิสระ ถ้าหากเขาสามารถตอบปัญหาแสนยากข้อหนึ่งได้ถูกต้อง อาเธอร์มีเวลาหาคำตอบ 1 ปีเต็ม ถ้าเขาตอบไม่ได้ เขาก็จะถูกประหาร คำถามนั้น คือ.... สิ่งที่ผู้หญิงต้องการจริงๆ คืออะไร?   ปัญหาดังกล่าวช่างยากเย็นจนแม้นักปราชญ์ที่ฉลาดก็ยังงุนงง เขากลับไปยังอาณาจักรของเขาและเริ่มหาคำตอบจากทุกผู้คน แต่ไม่มีใครให้คำตอบที่น่าพอใจได้ คนส่วนมากจะแนะนำให้เขาไปปรึกษาเรื่องนี้กับยายแม่มดแก่ ซึ่งน่าจะเป็นผู้เดียวที่จะรู้คำตอบ แต่ราคาค่าปรึกษาคงจะแสนแพง    แล้ววันสิ้นปีก็มาถึง...อาเธอร์ไม่มีทางเลือกอื่น แม่มดตกลงจะให้คำตอบแต่อาเธอร์ต้องยอมรับเงื่อนไขแลกเปลี่ยนก่อน นังแม่มดต้องการแต่งงานกับกาเวน อัศวินผู้ทรงเกียรติสูงสุดของเหล่าอัศวินโต๊ะกลม และเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของอาเธอร์ อาเธอร์หนุ่มถึงกับสยองขวัญ เพราะยายแก่หลังโกงเหม็นก็เหม็น มีฟันเหลือซี่เดียวตัวก็เหม็นเหมือนถังส้วม ชอบทำเสียงประหลาดน่ารังเกียจ เขาปฏิเสธที่จะให้เพื่อนรักแต่งงานกับหล่อน   ฝ่ายกาเวนพอได้รับรู้ถึงข้อเสนอนั้น เขายอมแต่งงาน เพื่อชีวิตของอาเธอร์ และการดำรงอยู่ของอัศวินโต๊ะกลม และยายแม่มดก็ให้คำตอบต่อคำถามของอาเธอร์ สิ่งที่ผู้หญิงต้องการจริงๆ ก็คือ การได้เป็นตัวของตัวเอง ทุกคนทราบได้ทันทีว่าแม่มดได้กล่าวอมตะวาจาอันยิ่งใหญ่ และอาเธอร์ก็รอดพ้นจากการประหารแน่นอน และก็เป็นเช่นนั้นจริง   แต่ทว่า... งานแต่งงานของกาเวนกับนังแม่มดช่างเหลือรับจริงๆ กาเวนสง่าผ่าเผยเช่นปกติ ทั้งสุภาพอ่อนน้อม ส่วนฝ่ายนังแม่มดเฒ่านั้นออกลายนิสัยเลวสุดเดช ทั้งกินมูมมามด้วยสองมือ ทุกผู้คนต่างรู้สึกอึดอัด และแล้วยามค่ำของวันส่งตัวก็มาถึง... กาเวนได้ปลอบตนเองพร้อมรับคืนสยอง เขาก้าวเข้าสู่ห้องนอนวิวาห์...ช่างไม่น่าเชื่อสายตาตนเอง!!!  หญิงสาวแสนสวยที่สุดที่เคยพบพานนอนรออยู่เบื้องหน้า กาเวนงุนงง??    สาวแสนสวยเฉลยว่า เพราะกาเวนช่างแสนดีกับหล่อน (เมื่อยามเป็นแม่มด) ดังนั้นครึ่งหนึ่งของวัน เธอจะอยู่ในสภาพพิกลพิการน่ารังเกียจ ส่วนอีกครึ่งหนี่งของวัน เธอจะอยู่ในร่างแสนสวยนี้ และให้กาเวนเลือกว่า กลางวันเขาอยากให้เธอเป็นแบบไหน กลางคืนอยากให้เป็นแบบไหน? เป็นคำถามที่ช่างโหดร้าย!!!  กาเวนเริ่มคิดไตร่ตรอง หญิงสาวสวยยามกลางวันเพื่ออวดต่อเพื่อนฝูง แต่กลางคืนเมื่ออยู่สองต่อสอง เป็นยายแม่มด? หรือว่าเขาควรจะเลือกยายแม่มดตอนกลางวัน แล้วได้สาวสวยเพื่อเริงระบำยามค่ำคืนดี?? เป็นคุณล่ะ คุณจะเลือกอย่างไร???
กรุณาหยุดคิดสักนิด
 เมื่อตัดสินใจได้แล้ว....ไปดูเฉลยข้างล่าง
 กาเวนตอบว่า "เขาขอมอบให้เธอเป็นผู้ติดสินใจเลือกเอง" เมื่อเธอได้ยินดังนั้น เธอจึงประกาศก้องว่าเธอจะสวยตลอดเวลา เพราะเขาได้ให้ความเคารพและให้เธอเป็นตัวของตัวเอง

นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า...
1. ผู้หญิงไม่ว่าจะสวยหรือจะน่าเกลียด ลึกๆ ข้างในเธอก็คือ แม่มด
2. ผู้หญิงจะกลายร่างเป็นแม่มด หรือเป็นสาวแสนสวยเมื่อไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับความประพฤติของผู้ชาย


ที่มา : admin

การทดลองของ ฌอง แบบติสท์ แวน เฮลมองท์

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ฌอง แบบติสท์ แวน เฮลมองท์         ในปี พ.. 2191 ( .. 1648 ) ได้มีการพิมพ์ผลงานของ ฌอง แบบติสท์ แวน เฮลมองท์  (Jean Baptiste Van Helmont) นักวิทยาศาสตร์ชาวเบลเยียม ที่ทำการทดลองสิ่งที่น่าสนใจและมีความสำคัญมากทางชีววิทยา โดยปลูกต้นหลิวหนัก 5 ปอนด์ในถังใบใหญ่ที่บรรจุดินซึ่งทำให้แห้งสนิทหนัก 200 ปอนด์แล้วปิดฝาถัง ระหว่างทำการทดลองได้รดน้ำต้นหลิวที่ปลูกไว้ทุกๆ วันด้วยน้ำฝนเป็นระยะเวลา 5 ปี ต้นหลิวเจริญเติบโตขึ้นมาก เมื่อนำต้นหลิวที่ไม่มีดินติดอยู่ที่รากไปชั่งน้ำหนัก ปรากฏว่าต้นหลิวหนัก 169 ปอนด์ 3 ออนซ์ และเมื่อนำดินในถังไปทำให้แห้งแล้วนำไปชั่งปรากฏว่ามีน้ำหนักน้อยกว่าดินที่ใช้ก่อนทำการทดลองเพียง 2 ออนซ์เท่านั
    ฌอง แบบติสท์ แวน เฮลมองท์    




วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2559

การเขียนบทละคร

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การเขียนบทละคร
 
    การเขียนบทละคร     
    บทละครเป็นเรื่องราวที่แต่งขึ้นเพื่อใช้ในการแสดงละคร  มีองค์ประกอบเช่นเดียวกับการเขียนเรื่องสั้นหรือนวนิยาย แต่ต่างกันที่วัตถุประสงค์ คือ บทละครนั้นแต่งขึ้นเพื่อการแสดง แต่เรื่องสั้นและนวนิยายแต่งขึ้นเพื่อการอ่าน เรื่องสั้นหรือนวนิยายบางเรื่อง อาจดัดแปลงมาเป็นบทละครได้
          บทละครไทยแต่เดิม แต่งเป็นร้อยกรอง เรียกว่า "กลอนบทละคร" ซึ่งเล่นเป็นละครรำ อันได้แก่ ละครชาตรี ละครนอก ละครใน แต่ต่อมาได้ปรับรูปแบบละครพูดจากวัฒนธรรมตะวันตก จึงได้มีการแปลและดัดแปลงบทละครพูดจากภาษาอังกฤษ มาเป็นบทละครภาษาไทย ในสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) โปรดการละครพูดมาก ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทละครพูดไว้
หลายสิบเรื่อง ทั้งยังเป็นองค์แสดงและตั้งคณะละครศรีอยุธยารมย์ขึ้น
          ในสมัยพระบาทสมเด็จเกล้าเจ้าอยู่หัว การละครพูดรุ่งเรืองมาก ด้วยพระปรีชาสามารถในการละครพูดพระองค์จึงได้รับ
การถวายสมญาว่า "บิดาแห่งละครพูด" บทละครนั้นมีมากมายหลายชนิด เช่น บทละครรำ อันได้แก่ บทละครชาตรี 
บทละครนอก บทละครใน บทละครพันทาง 
บทละครดึกดำบรรพ์ นอกจากนี้ยังมีบทละครร้อง บทละครพูด บทละครโทรทัศน์ และบทภาพยนตร์ เป็นต้น
          ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะบทละครพูด เพื่อเป็นแนวทาง
ที่จะศึกษาและพัฒนาการเขียน บทละครประเภทอื่น ๆ ต่อไป
          องค์ประกอบของบทละครพูด
๑. แนวคิดหรือแกนของเรื่อง
๒. โครงเรื่อง
๓. ตัวละคร
๔. ฉาก
๕. บทสนทนา
๖. บรรยากาศของเรื่อง
          การเขียนบันเทิงอาจแบ่งได้หลายประเภทดังนี้
การเขียนนิทาน
          นิทาน คือ เรื่องเล่าสืบต่อกันมา เป็นวรรณกรรมที่เก่าแก่ที่สุด กล่าวกันว่านิทานมีกำเนิดพร้อม ๆ กับครอบครัวของมนุษยชาติ มูลเหตุที่มาแต่เริ่มแรก คงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงแล้วเล่าสู่กันฟัง มีการเพิ่มเติมเสริมแต่งให้พิสดารมากยิ่งขึ้น 
จนห่างไกลจากเรื่องจริง กลายเป็นนิทานไป
          การเขียนนิทาน เป็นการเขียนจากจินตนาการ ผู้เขียน
จะต้องมีศิลปะในการเขียนโดยเขียนให้สนุกและมีคุณค่าแก่ผู้อ่าน
 
 การเขียนนวนิยาย

          นวนิยายเป็นเรื่องสมมติที่เขียนอย่างสมจริง มีโครงเรื่องซับซ้อน เสนอแนวคิดได้กว้างขวางกว่าเรื่องสั้น มีตัวละครหลายตัว ดำเนินเรื่องได้ยาว ให้รายละเอียดของฉากและตัวละครได้มากกว่าเรื่องสั้น 
ซึ่งชนิดของนวนิยายอาจจำแนกได้ดังนี้
๑. นวนิยายสำรวจโลก 
๒. นวนิยายเชิงประวัติศาสตร์ (อิงประวัติศาสตร์)
๓. นวนิยายลูกทุ่ง
๔. นวนิยายใช้ฉากในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่
๕. นวนิยายมหัศจรรย์
๖. นวนิยายชีวประวัติหรืออัตชีวประวัติ
๗. นวนิยายแนวจิตวิทยา
๘. นวนิยายมนุษยธรรม
๙. นวนิยายนักสืบและอาชญากรรม
๑๐. นวนิยายโรแมนติก
๑๑. นวนิยายระหว่างชาติ
๑๒. นวนิยายชีวิตครอบครัว
          องค์ประกอบของนวนิยาย
๑. แนวคิดของแกนของเรื่อง
๒. โครงเรื่องมีลักษณะซับซ้อน
๓. ตัวละคร
๔. ฉาก
๕. ถ้อยคำหรือบทสนทนา
 การเขียนเรื่องสั้น
          เรื่องสั้นเป็นวรรณกรรมประเภทหนึ่ง ที่พัฒนาขึ้นจากอิทธิพลของงานเขียนทางประเทศตะวันตก โดยเขียนขึ้นจากจินตนาการ
ซึ่งมีความสมจริง (Realistic) มีขนาดสั้น ใช้ตัวละครน้อย 
ดำเนินเรื่องรวดเร็วและมีจุดมุ่งหมายเดียว เรื่องสั้นเรื่องแรกของไทย คือ เรื่อง "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน" ของเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) ลงพิมพ์ในหนังสือดรุโณวาทราวปี พ.ศ.๒๔๑๗ 
ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ ผู้นี้นับว่าเป็นผู้มีบทบาทเป็นอย่างมากในการสร้างสรรค์
เรื่องบันเทิงคดีสมัยใหม่ และเรื่องสั้นยุคบุกเบิกซึ่งเปลื้อง ณ นคร  
ได้แบ่งเรื่องสั้นออกเป็น ๔ ชนิด คือ
๑. เรื่องสั้นชนิดผูกเรื่อง (Plot story)
๒. เรื่องสั้นชนิดเพ่งเล็งที่จะแสดงลักษณะของตัวละคร (Charater Story)
๓. เรื่องสั้นชนิดที่ถือฉากเป็นส่วนสำคัญ (Atmosphere Story)
๔. เรื่องสั้นชนิดที่แสดงแนวความคิดเห็น (Theme Story)
           องค์ประกอบของเรื่องสั้น
๑. แนวคิดหรือแกนของเรื่อง๒. โครงเรื่องต้องมีลักษณะกะทัดรัด
๓. ตัวละคร
๔. ฉากต้องมีความสมจริง
๕. ถ้อยคำหรือบทสนทนา
   ลักษณะของเรื่องสั้น
     1. มีโครงเรื่อง คือมีกลวิธีในการแสดงพฤติกรรมของตัวละคร
ซึ่งอาจเป็น คน สัตว์ สิ่งของ โดยทั่วไปมักใช้โครงเรื่องของความขัดแย้งเพื่อเร้าใจให้ผู้อ่านคิดตาม
       2. มีจุดมุ่งหมายของเรื่องเพียงอย่างเดียว โดยมีแกนเรื่อง (Theme) เพียงหนึ่งเดียว 
ซึ่งอาจเป็นความคิดหรือทัศนะแง่ใดแง่หนึ่งเท่านั้น 
เช่น การผจญภัย การดิ้นรนต่อสู้ความไม่แน่นอนของชีวิตมนุษย์ 

       3. มีตัวละครน้อย 1-3 ตัว
       4. ใช้เวลาน้อย โดยทั่วไปเรื่องสั้นสามารถอ่านจบภายใน 15 นาที 
ถึง 50 นาที

       5. มีขนาดสั้น การบรรยายตามท้องเรื่องนั้นไม่ยืดยาด การนำเสนอด้วยคำประมาณ 1000 ถึง 10000 คำเป็นการเสนอที่พอเหมาะ อย่างไรก็ตามการกำหนดคำนั้นไม่มีการจำกัดลงไปแน่นอน ดังนั้นจึงมีเรื่องสั้น - สั้น (Short-Short Story)  
 และเรื่องสั้นที่มีขนาดยาวกว่าธรรมดา เรียกว่า 
เรื่องสั้นขนาดยาว (Long Short Story)
         6. มีความกระชับรัดกุมทุกด้าน ใช้คำน้อย แต่ให้ได้ความมากที่สุด เพียบพร้อมด้วยอรรถรสอันเข้มข้น ดื่มด่ำ การเขียนเรื่องสั้นนั้น ผู้เขียนจะเลือกเขียนในแนวใดก็ขึ้นอยู่กับความถนัด ประสบการณ์ อุปนิสัย และอารมณ์จินตนาการ เพราะแต่ละคน 
ย่อมมีความแตกต่างกัน จงสำรวจตัวเองด้วยการอ่านงานเขียน
ให้กว้างขวาง หลายแบบ หลายแนว หลายผู้เขียน แล้วจะพบว่า
เราชอบแนวใด จากนั้นก็ลองเขียนเลียนต้นแบบ ในเบื้องต้น เมื่อเห็นว่าสามารถทำได้อย่างนั้น ก็ค่อยพัฒนางาน  และสร้างเอกลักษณ์ของตนเองขึ้นมาใหม่
          ผู้ที่หัดเขียนเรื่องใหม่ ๆ ต้องอ่านหนังสือให้มาก เขียน
พราะการอ่านกับการเขียนเป็นทักษะที่สัมพันธ์กัน และตระหนักว่า 
ไม่มีนักเขียนคนใดจะสร้างงานเขียน ของตนเองได้ 
โดยไม่อ่านหนังสือ