วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2559

แค่เพียง เสี้ยววินาที

       เรื่องเกิดขึ้นในวันหนึ่ง เมื่อครั้งผมยังเป็นน้องใหม่ในโรงเรียนมัธยมผมเห็นเด็กคนหนึ่งซึ่งเรียนอยู่ชั้นเดียวกันกำลังเดินกลับบ้านหลังเลิกเรียนผมจำได้ว่าเขาชื่อไคลล์ดูราวกับว่าเขากำลังขนหนังสือทุกเล่มของเขากลับบ้านด้วยผมคิดว่“ทำไมนะถึงยังมีคนหอบหนังสือทั้งหมดของตัวกลับบ้านในวันศุกร์ด้วย" หมอนี่มันจะต้องเป็นพวกคนประหลาดแน่ ๆเลยผมเองนั้นมีแผนการสำหรับวันหยุดเอาไว้แล้วนั่นคือไปงาน party และเล่นฟุตบอลกับพวกเพื่อนๆตอนบ่ายพรุ่งนี้คิดไปแล้วผมก็ยักไหล่จะเดินจากไปแต่ขณะนั้นผมก็เห็นเด็กกลุ่มหนึ่งวิ่งแข่งกันตรงมายังไคลล์จนชนเขาล้มลงคลุกฝุ่นข้างทางหนังสือในอ้อมแขนของเขาก็ตกกระจัดกระจาย ผมเห็นแว่นตาของเขากระเด็นไปตกบนพื้นหญ้าห่างจากตัวเขาประมาณ 10 ฟุต เขาเงยหน้าขึ้นและผมก็ได้เห็นความโศกเศร้าอย่างที่สุดในดวงตาของเขาใจผมวูบลงทันที ผมวิ่งเยาะ ๆไปหาเขาขณะที่เขากำลังคลำหาแว่นตาของตัวเองอยู่ผมสังเกตเห็นว่าตาของไคลล์มีน้ำตาคลอขณะที่ผมยื่นแว่นตาให้เขาผมก็พูดกับเขาว่า"งี่เง่าพวกนั้นน่ะ มันน่าจะเก็บซะจริงๆ"ไคลล์มองผมและพูดว่า "เฮ้ ขอบคุณนะ"ด้วยใบหน้าที่สดใสขึ้นจากรอยยิ้มที่แสดงถึงความสำนึกขอบคุณอย่างจริงๆผมช่วยเขาเก็บหนังสือ และถามว่าเขาอาศัยอยู่ที่ไหนมันน่าแปลกใจมากที่กลายเป็นว่าบ้านของเขาอยู่ใกล้ ๆบ้านผม ผมถามเขาว่าทำไมผมถึงไม่เคยพบเขามาก่อนเลยเขาบอกว่าก่อนหน้านี้เขาได้ไปเข้าเรียนอยู่ในโรงเรียนเอกชนซึ่งแน่นอนว่าผมก็ไม่เคยได้คบหากับเด็กโรงเรียนเอกชนด้วยผมช่วยเขาหอบหนังสือและเราสองคนก็พูดคุยกันไปตลอดทางที่กลับบ้านผมพบว่าไคลล์เป็นเด็กหนุ่มที่น่าสนใจทีเดียวผมถามเขาว่าต้องการจะมาเล่นฟุตบอลด้วยกันกับผมและเพื่อนในวันเสาร์รึเปล่าเขาตอบตกลงดังนั้นเราสองคนก็ได้ใช้เวลาในวันหยุดด้วยกันกับพวกเพื่อนๆ ผมและยิ่งผมได้รู้จักไคลล์มากขึ้นเท่าไรผมก็รู้สึกชอบเขามากขึ้นเท่านั้นพวกเพื่อน ๆของผมเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันในเช้าวันจันทร์ถัดมาผมก็ได้เจอไคลล์อีกพร้อมหนังสือกองโตเต็มหอบแขนผมหยุดเขาและพูดกับเขาว่า"ให้ตายเถอะ นายคิดที่จะเพาะกล้ามด้วยกองหนังสือพวกนี้ทุกวันเลยงั้นเหรอ!?"ไคลล์หัวเราะและแบ่งหนังสือครึ่งหนึ่งให้ผมช่วยถือจากวันนั้นมาจนตลอด 4ปีไคลล์และผมก็กลายเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากจนเมื่อพวกเราได้เป็นรุ่นพี่ปีสุดท้ายพวกเราก็ต่างเริ่มคิดถึงเรื่องการเรียนต่อในมหาวิทยาลัยไคลล์ตัดสินใจไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย Georgetownส่วนผมก็จะไปเรียนที่Dukeผมรู้ดีว่าเราจะยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่เสมอและระยะทางห่างไกลนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับความสัมพันธ์ของเราเลยไคลล์จะเรียนให้จบแพทย์และผมก็จะเรียนทางด้านธุรกิจโดยใช้ทุนการศึกษาของทีมฟุตบอลไคลล์ถูกเลือกให้เป็นผู้กล่าวคำอำลาในพิธีจบการศึกษาของชั้นเราผมยังคงล้อเลียนเขาอยู่ตลอดเวลาในเรื่องที่ว่าเขาเหมือนพวกคนประหลาดในขณะที่เขาต้องเตรียมสุนทรพจน์สำหรับงานการจบการศึกษาผมก็รู้สึกดีใจมากที่ไม่ใช่เป็นผมที่จะต้องขึ้นไปพูดบนเวทีในวันงานจบการศึกษาผมมองดูไคลล์ และคิดว่าเขาดูดีมากทีเดียวไคลล์นับว่าเป็นหนึ่งในบรรดาคนหนุ่มที่ในที่สุดก็สามารถค้นพบตัวเองในช่วงชีวิตของนักเรียนมัธยมไคลล์มีรูปร่างล่ำสันขึ้นและดูเหมาะมากกับแว่นตา เขามีนัดกับสาว ๆมากกว่าผมอีกและพวกผู้หญิงก็รักเขาทุกคนให้ตายเถอะมันทำให้ผมอนึกอิจฉาไม่ได้ในบางครั้งผมสังเกตเห็นว่าไคลล์กำลังกังวลเกี่ยวกับการกล่าสุนทรพจน์ผมจึงเข้าไปตบหลังให้กำลังใจและพูดว่า"เฮ้ หนุ่ม..นายจะต้องทำได้เยี่ยมอย่างแน่นอน!"ไคลล์มองผมด้วยสายตาเช่นทุกครั้งสายตาที่แสดงความขอบคุณอย่างจริงๆ เขายิ้มพร้อมพูดว่า"ขอบคุณ"ไคลล์กระแอม และ ได้เริ่มต้นสุนทรพจน์ของเขาว่า…"   วันจบการศึกษาเป็นโอกาสที่เราจะได้ขอบคุณบรรดาผู้ซึ่งได้ช่วยเหลือพวกเราให้ผ่านพ้นปีแห่งความยากลำบากพวกเขาเหล่านั้นก็คือ พ่อ แม่ คุณครู พี่น้องของคุณ หรือแม้แต่โค้ชกีฬาของคุณด้วย แต่อันที่จริงแล้วผู้ที่คอยช่วยเหลือคุณมากที่สุดนั้นก็คือเพื่อนๆ ของคุณนั่นเอง ผมได้มายืนอยู่ ณ ที่นี้ก็เพื่อที่จะบอกคุณทุกคนว่าการได้รับความเป็นเพื่อนจากใครบางคนนั้น นับเป็นการได้รับของขวัญอันสุดวิเศษและผมขอยืนยันสิ่งนี้ด้วยการเล่าเรื่องของผมให้พวกคุณ… "ผมมองไคลล์เพื่อนคนนี้ของผมอย่างไม่เชื่อสายตา ในขณะที่เขาเล่าถึงวันแรกที่เราสองคนได้พบกัน เขาเล่าว่าเขาได้วางแผนที่จะฆ่าตัวตายในช่วงวันหยุดโดยเขาเตรียมการทำความสะอาดล๊อคเกอร์เก็บ ของที่โรงเรียน และขนของทุกอย่างในนั้นกลับบ้านเพื่อที่แม่ของเขาจะได้ไม่ต้องลำบากมาทำให้เขาอีกในภายหลังไคลล์มองนิ่งมาที่ผมพร้อมยิ้มน้อยๆ น่าขอบคุณจริง ๆที่ผมได้ถูกช่วยชีวิตไว้…เพื่อนของผมช่วยผมไว้จากการตัดสินใจกระทำสิ่งซึ่งจะทำให้ผมไม่มีโอกาสได้มายืนพูดอยู่ ณที่นี้อีกเลยผมได้ยินเสียงเฮือกหายใจจากกลุ่มคนที่อยู่ในพิธีในขณะที่ได้ฟังเด็กหนุ่มรูปหล่อที่เป็นที่ชื่นชอบของพวกเขาเล่าให้ฟังถึงช่วง เวลาแห่งความอ่อนแอในชีวิต…ผมได้เห็นแม่และพ่อของไคลล์มองมาที่ผมพร้อมรอยยิ้มแสดงความขอบคุณอย่างเดียวกันและในบัดนั้นเองที่ผมได้เข้าใจถึงความหมายอันลึกซึ้งของคำที่ว่าคนเราไม่ควรประเมินค่าในการกระทำของตนเองน้อยไปเพราะเพียงแค่สิ่งเล็กน้อยที่คุณแสดงต่อใครบางคนก็สามารถที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาคนนั้นได้ทันทีไม่ว่าจะเป็นในทางดีหรือทางร้ายก็ตามในความเป็นเพื่อนนั้นพวกเราได้ถูกกำหนดให้มาพบเจอกันเพื่อที่จะได้ช่วยเป็นแรงผลักดันในชีวิตของกันและวันในทางใดทางหนึ่ง...ไคลล์จบสุนทรพจน์ของเขาว่า....เพราะ…เพื่อนคือเทพหรือนางฟ้าผู้ที่จะช่วยโอบอุ้มเราให้สามารถยืนหยัดบนขาได้อีกครั้งเมื่อปีกของเราลืมวิธีการที่จะบินไปชั่วขณะหนึ่ง
                                                                                                                                         ที่มา : ซ้อเหมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น